2551-12-02

ในหลวงกับการศึกษาไทย



ตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ เป็นต้นมา พระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงพระราชปณิธานด้านการศึกษาที่เด่นชัด ดังจะเห็นได้จากพระราชดำรัส พระบรมราโชวาทซึ่งได้พระราชทานไว้ในวโรกาสต่าง ๆ และพระราชกรณียกิจที่ได้ทรงปฏิบัติไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งในที่นี้จะนำเสนอเพียงพระราชปณิธานที่สำคัญๆ ดังต่อไปนี้
- พระราชปณิธานที่จะพระราชทานการศึกษา เพื่อพัฒนาชีวิตราษฎร ทรงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาพลเมืองให้มีคุณภาพด้วยการให้การศึกษา เพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้และมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ทั้งส่วนบุคคลและประเทศชาติ ดังจะเห็นได้จากพระบรมราโชวาทด้านการศึกษาบางตอนที่ได้พระราชทานแก่คณะครูและนักเรียน ณ ศาลาดุสิดาลัยเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๔ ว่า
"…การศึกษาเป็นปัจจัยในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ความประพฤติและคุณธรรมของบุคคล สังคมและบ้านเมืองใดให้การศึกษาที่ดีแก่เยาวชนได้ยอ่างครบถ้วนพอเหมาะกันทุก ๆ ด้าน สังคมและบ้านเมืองนั้นก็จะมีพลเมืองที่มีคุณภาพ ซึ่งสามารถธำรงรักษาความเจริญมั่นคงของประเทศชาติไว้และพัฒนาให้ก้าวหน้าต่อไปได้ตลอด"
- พระราชปณิธานที่จะจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินให้แก่กระทรวงศึกษาธิการสร้างโรงเรียนราชวินิตขึ้น ทรงอุปถัมภ์ โรงเรียนวังไกลกังวล ซึ่งจัดตั้งขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๘ ทรงส่งเสริมให้จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน พระราชทานพระราชดำริและพระบรมราชานุเคราะห์ให้จัดตั้งโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจน โรงเรียนร่มเกล้าโรงเรียนชาวเขาและประชาชนที่อยู่ห่างไกลการคมนาคม ให้จัดสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ เสด็จฯ เยี่ยมโรงเรียนประถมศึกษาในท้องที่ห่างไกลและทุรกันดาร พระราชทานเครื่องเขียนแบบเรียน เสื้อผ้าแก่เด็กนักเรียน เครื่องอุปโภคบริโภคแก่ครูและพระราชทานพระราชทรัพย์ประเดิมตั้งมูลนิธิต่าง ๆ
- พระราชปณิธานที่จะให้เด็กได้เล่าเรียนต่อเนื่องกันไป ตั้งแต่ก่อนระดับประถมศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ในการดำเนินงานโครงการพัฒนาที่ดินตามพระราชประสงค์ทุกแห่งก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนในลักษณะเดียวกัน พร้อมด้วยห้องสมุดที่ทันสมัย เพื่อบุตรหลานของประชาชนในศูนย์พัฒนาที่ดินฯ นั้น ๆ จะได้เข้าศึกษาเล่าเรียนทุกแห่ง และเพื่อให้การศึกษาของเด็กในชั้นประถมศึกษาเป็นไปด้วยดี ผู้ปกครองเด็กได้มีเวลาในการประกอบอาชีพเต็มที่ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนขึ้นในโรงเรียนวังไกลกังวลและในศูนย์พัฒนาที่ดินอื่น ๆ ตลอดจนตำบลต่าง ๆ ใกล้ ๆ พระราชฐาน สำหรับการศึกษาระดับมัธยมศึกษาในรัชสนมัยได้เจริญก้าวหน้าเป็นลำดับ มีโรงเรียนเพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่าง ๆ ไปถึงระดับอำเภอและระดับตำบล โรงเรียนมีขนาดใหญ่ขึ้น บางโรงมีนักเรียนในโรงเรียนถึงสามพันคน มีครูอาจารย์เป็นร้อยคน หลักสูตรการเรียนการสอนเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะมีการสอนวิชาชีพในโรงเรียนมัธยมเพิ่มขึ้น และพระราชกรณียกิจที่สนับสนุนพระราชปณิธานของพระองค์ในส่วนที่เกี่ยวกับการมัธยมศึกษา ได้แก่ การพระราชทานที่ดินสร้างโรงเรียน การเสด็จฯ เยี่ยมโรงเรียน และพระราชทานพระราชดำริในการดำเนินกิจการของโรงเรียน เป็นต้น
- พระราชปณิธานในการส่งเสริมการพัฒนาการฝึกหัดครู ครู และผู้บริหารการศึกษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยการฝึกหัดครูเป็นอันมาก ดังพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะข้าราชการที่รับผิดชอบต่อการฝึกหัดครูและคณะข้าราชการกรมการฝึกหัดครูที่เข้าเฝ้าฯ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๑๓ ตอนหนึ่งว่า
"…โดยที่ครูต่างทำตัวให้เป็นครูที่น่าเคารพ แม้จะฝืดเคืองก็ยังกัดฟันสอนและแจกจ่ายความรู้ออกไป ดังนี้ก็จะได้ความเคารพจากศิษย์และการสอนก็จะง่ายขึ้น แต่ว่าต้องวางตัวให้เป็นครูที่แท้ การฝึกหัดครูจะต้องย้ำในข้อนี้ว่า ถ้าครุทำตัวเป็นครูจะทำให้ลูกศิษย์นับถือเป็นทุน แต่ว่าถ้าทิ้งความเป็นครูโดยที่ท้อใจ โดยที่ยอมแพ้สถานการณ์ก็ทำให้ลูกศิษย์มีความเคารพไม่ได้และสอนไม่ได้… ขอให้ทุกคนพยายามรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของการเป็นครูแล้วถ่ายทอดให้แก่ครกูที่ฝึกหัดอยู่เท่าที่จะทำได้ เพื่อให้บ้านเมืองเป็นบ้านเมือง ให้ประชาชนพลเมืองเป็นคน คือมีความรู้และมีจิตใจที่สูง ไม่เบียดเบียนกัน จะทำให้ส่วนรวมอยู่ได้เป็นปึกแผ่น ทั้งครูทั้งหลายก็จะนับว่าได้ทำหน้าที่อย่างกล้าหาญ อย่างฉลาดและจะเป็นความดีเป็นส่วนรวมของคณะครู… หน้าที่ที่ไม่ใช่หน้าที่ราชการหรือหน้าที่ที่ได้รับเงินเดือนตอบแทน แต่หน้าที่ในฐานะมนุษยชน เมื่อทำแล้วจะมีความพอใจได้ใช้ชีวิตในทางที่ถูก ก็การใช้ชีวิตที่ถูกนั้นอาจไม่รวยแต่จิตใจรวย…"
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงในในความเป็นอยู่ทรงห่วงในในความเป็นอยู่ และการปฏิบัติหน้าที่ของครูอาจารย์เป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการให้มีพระราชบัญญัติครู พุทธศักราช ๒๔๘๘ ได้บัญญัติให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ เรียกว่า คุรุสภา มีฐานะเป็นนิติบุคคลกำหนดให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกของคุรุสภา ให้คุรุสภามีอำนาจหน้าที่ในการให้ความเห็นแก่กระทรวงศึกษาธิการในเรื่องการจัดการศึกษาโดยทั่วไป ควบคุมและสอดส่องจรรยา มารยาท และวินัยของครู พิทักษ์สิทธิครู รักษาผลประโยชน์และส่งเสริมให้ครูได้รับสวัสดิการต่าง ๆ และพัฒนาความรู้ความสามารถแปละประสิทธิภาพของครู และยังได้กำหนดให้การบริหารบุคคลของข้าราชการครูในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการข้าราชการครู (ก.ค.) เป็นต้น
- พระราชปณิธานที่จะส่งเสริมการอาชีวศึกษาให้แพร่หลาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยการอาชีวศึกษาเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากกระแสพระราชดำรัส และพระบรมราโชวาสที่พระราชทานในโอกาสต่าง ๆ ได้ทรงกล่าวถึงความสำคัญ ความจำเป็นของการอาชีวศึกษา ให้ตระหนักถึงความสำคัญของอาชีวศึกษาและส่งเสริมให้การอาชีวศึกษาแพร่หลายให้ได้รับความนิยมจากประชาชนเท่าเทียมกับสามัญศึกษา ได้เสด็จฯ เปิดงานและทอดพระเนตรการจัดแสดงศิลปหัตถกรรมต่าง ๆ ของนักเรียนเกือบทุกปีที่มีการจัดในกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ในด้านการสนับสนุนส่งเสริมวิชาช่างฝีมือ มีพระราชดำรัสแนะนำไว้ ๓ ประการ คือ
"ประการแรก… ต้องให้ความรุ้ทางหลักวิบาการและความรู้ทางการออกดแบบ เพราะสิ่งนี้เป็นหัวใจของงานฝีมือในอันที่จะสร้างสรรค์งานศิลปะใหม่ ๆ ขึ้น ศิลปินและนักออกแบบจะเป็นผู้ให้ความคิด จากนั้นจึงใช้ความรู้ทางหลักวิชาการทำความคิดนั้นมาประดิษฐ์ผลงานต่อไป ประการที่สอง จะต้องปรับปรุงฝีมือให้มีความประณีตและมีประสิทธิภาพได้มาตรฐานจริง ๆ ในยามที่ประชาชาติต่าง ๆ ในโลกกำลังขวนขวายยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของตน มนุษย์เจริญขึ้นก็ใฝ่หาสินค้าและบริการได้มาตรฐานสูงขึ้นด้วย ประการที่สาม จะต้องมีการจ้างงานและหาตลาดเพื่อช่วยให้ช่างฝีมือได้มีงานทำ มีตลาดที่จะส่งสินค้าไปจำหน่ายการทำงานของช่างฝีมือขึ้นอยู่กับความต้องการของผลิตผลและบริการในตลาด เมื่อปรับปรุงรูปแบบคุณภาพและฝีมือดีขึ้น ย่อมทำให้เกิดความต้องการตามมาอันจะเป็นผลให้เผยแพร่ได้สะดวกยิ่งขัน เพราะสินค้าดีใคร ๆ ก็ย่อมนิยมใช้ แต่ถ้าราคาและคุณภาพไม่ได้มาตรฐานแล้ว ก็ยากที่ประชาชนจะนิยมตาม…"
- พระราชปณิธานในการขยายการศึกษาภาคบังคับให้ทั่วทั้งประเทศ หม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ได้กล่าวถึงพระมหากรุณาธิคุณเกี่ยวกับการขยายการศึกษาภาคบังคับ ไว้ตอนหนึ่งว่า
"…มีข้อสังเกตในเรื่องนี้ คือ โรงเรียนเพิ่มขึ้น ตลอดจนในท้องที่ไกลคมนาคม เช่น โรงเรียนชายแดนของตำรวจชายแดน เป็นต้น อยู่ห่างไกลมาจนแม้ผู้ตรวจการศึกษาก็ไปไม่ถึง ผู้ที่เยี่ยมโรงเรียนเหล่านี้บ่อยครั้ง คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระบรมราชชนนี พระราชกรณียกิจเช่นนี้ นับว่าเป็นการส่งเสริมการศึกษา ณ ที่ที่ต้องการมากที่สุด นอกจากที่ได้ทรงเยี่ยมเยียน ทำให้ครูนักเรียน ตลอดจนผู้ปกครองปลื้มปิติแล้ว ยังได้พระราชทานอุปกรณีการศึกษา เสื้อผ้า และอาหารด้วย เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น นอกเหนือไปจากนี้ เมื่อท้องที่แห่งใดแห่งหนึ่งประสบภัยธรรมชาติ ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเยียนด้วยความห่วงใย ในกรณีจังหวัดในภาคใต้ประสบวาตภัยครั้งร้ายแรง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ โรงเรียนพังทลาย ยังได้พระราชทานพระราชทรัพย์ไปสร้างโรงเรียนกว่า ๑๐ หลัง จากเงินซึ่งเป็นพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินซึ่งประชาชนโดยเสด็จพระราชกุศลสมทบเป็นจำนวนมาก วิธีการเพิ่มโรงเรียนที่ใช้อยู่วิธีหนึ่ง คือ รับความช่วยเหลือจากประชาชนในท้องที่ ถ้าผู้ใดบริจาคเงินเพื่อสร้างโรงเรียนจำนวนเท่าใด รัฐบาลจะออกเงินสมทบอีกจำนวนหนึ่ง มากบ้าง น้อยบ้าง ตามความจำเป็นและกำลังงบประมาณ ในทำนองเดียวกันนี้ แต่ไม่เหมือนกันทีเดียว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งทางทิศใต้ของพระราชวังดุสิต และพระราชทานทรัพย์จำนวนหนึ่ง เพื่อจัดสร้างและดำเนินการโรงเรียนประถมศึกษา พระราชทานชื่อว่า โรงเรียนราชวินิต เสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงเรียนนี้เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๑๐"
และในพุทธศักราช ๒๕๓๐ อันเป็นปีที่มีการเฉลิมฉลองวโรกาสมหามงคลพระชนมพรรษาครบ ๕ รอบ กระทรวงศึกษาธิการได้เริ่มดำเนินการเพื่อขยายการศึกษาภาคบังคับเป็น ๙ ปี คือ จะขยายไปในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยให้นักเรียนในท้องที่ชนบทยากจน ๓๘ จังหวัดได้เล่าเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยไม่ต้องเสียเงินบำรุงการศึกษา หรือ ค่าเล่าเรียน และยังจะได้รับบริการจากรัฐในด้านแบบเรียนและอุปกรณ์การศึกษาอื่น ๆ ตามกำลังงบประมาณด้วย
- พระราชปณิธานที่จะให้วัดและพระสงฆ์ได้มีส่วนช่วยเหลือการศึกษาของชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ที่จะตั้งโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจนและกำพร้าอนาถาขึ้นในวัด โดยอาราธนาพระสงฆ์มาเป็นครูอบรมศีลธรรมและช่วยสอนวิชาสามัญที่ไม่ขัดต่อพระธรรมวินัยเพื่อให้วัดและพระสงฆ์ได้มีส่วนช่วยเหลือการศึกษาของประเทศชาติ โรงเรียนวัดที่ตั้งขึ้นในช่วงแรก ๔ โรง ได้แก่ โรงเรียนวัดศรีจันทร์ประดิษฐ์ โรงเรียนวัดสันติการาม โรงเรียนวัดป่าไก่ และโรงเรียน นันทบุรีวิทยา เป็นต้น
- พระราชปณิธานในการให้การศึกษาแก่เด็กที่ประสบภัยธรรมชาติ และประชาชนที่ยากไร้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้จัดตั้งกองทุนสำหรับสงเคราะห์เด็กยากจนอนาถาขาดบิดามารดาเนื่องจากการประสบภัยธรรมชาติ โดยโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งชื่อว่า "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์" นอกจากผุ้ประสบภัยแล้วในท้องที่บางจังหวัดในภาคใต้ที่มีประชาชนยากจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ใช้รายได้จากดอกผลของมูลนิธิฯ ไปก่อสร้างโรงเรียนประถมศึกษาขึ้น และพระราชทานชื่อใหม่ว่า "โรงเรียนราชประชานุเคราะห์"
- พระราชปณิธานที่จะให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส สามารถพูดภาษาไทยได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานพระราชดำรัสในคราวเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรจังหวัดยะลา ณ คุรุสัมมนาคาร ภาคศึกษา ๒ (สำนักงานศึกษาธิการเขต เขตการศึกษา ๒ ในปัจจุบัน) เมื่อวันที่ ๒๓ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๐๒ ตอนหนึ่งว่า
"…การศึกษาที่นี่สำคัญมาก ให้พยายามจัดให้ดี ให้พลเมืองสามารถพูดภาษาไทยได้ แม้จะพูดได้ไม่มากนักเพียงแต่พอรู้เรื่องกันก็ยังดี เท่าที่ผ่านมาคราวนี้มีผู้ไม่รู้ภาษาไทย ต้องใช้ล่ามแปลควรให้พูดเข้าใจกันได้ เพื่อสะดวกในการติดต่อซึ่งกันและกัน…"
ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส นับถือศาสนาอิสลาม และใช้ภาษามะลายูท้องถิ่นในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ ในการติดต่อกับทางราชการหรือทางราชการจะให้ข่าวสารไปถึงประชาชน ก็ต้องใช้การแปลกันเป็นเรื่องสำคัญ กระทรวงศึกษา ธิการจึงได้ถือพระราชดำรัสที่ได้เชิญมานี้เป็นเป้าหมายในการจัดและพัฒนาการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือในท้องที่ที่ได้จัดเป็นเขตการศึกษา ๒ ซึ่งได้แก่ท้องที่จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๐๒ เป็นต้นมา
- พระราชปณิธานในการจัดการศึกษาพิเศษและการศึกษาสงเคราะห์ เพื่อให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้รับการศึกษาโดยทั่วถึง โดยเฉพาะเด็กพิการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับคนปกติ มีชีวิตที่เป็นสุข ช่วยตัวเองได้ และสามารถทำประโยชน์แก่สังคมได้ จากพระราชปณิธานจึงได้มีการจัดตั้งโรงเรียนสำหรับคนหูหนวก คนตาบอด ขึ้น นอกจากนี้ยังได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนกินนอนสำหรับบุตรผู้ป่วยโรคเรื้อนขึ้นที่โรงเรียนราชประชาสมาสัย เมื่อพุทธศักราช ๒๕๐๗
- พระราชปณิธานที่จะให้ความรู้ในด้านต่าง ๆ แก่เยาวชนให้กว้างขวาง นอกเหนือจากการเรียนรู้ในชั้นเรียน จากพระราชปณิธานนี้ จึงทำให้เกิดโครงการสารานุกรมสำหรับเยาวชนขึ้น โดยได้พระราชทานพระบรมราโชวาทเกี่ยวกับเรื่องนี้ตอนหนึ่งว่า
"…สารานุกรมนี้จุดประสงค์อันแรก อันสำคัญที่สุดคือ ให้ผู้ใช้สารานุกรมนี้ได้เกิดความรู้สึกว่าโลกนี้มันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โลกหมายถึงโลกความรู้ โลกกลม โลกของวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการต่าง ๆ อันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน แล้วก็ในเวลาเดียวกัน ทำให้เห็นว่าในชาติบ้านเมืองหรือในเมืองอื่น ๆ ก็ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ถ้าได้ความคิดอันนี้อย่างหนึ่ง ก็จะเกิดความรู้สึกว่า ชีวิตของคนจะต้องอยู่ในส่วนรวมและจะต้องพยายามปฏิบัติเพื่อส่วนรวมศิลปดนตรีก็ต้องรวมกับวิทยาศาสตร์ ซึ่งคนทั่วๆ ไปไม่เข้าใจ แต่ว่าถ้าสารานุกรมแล้วก็จะเข้าใจ ก็เกิดความเชื่อถือ…"
ข้อมูลจากhttp://www.onec.go.th/theking/k006.htm

ไม่มีความคิดเห็น: