2551-11-26

ไปทัวร์พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย กันเถิด


ตึกสีจัดจ้านนี้ ยืมชื่อบริษัทหนัง "ภาพยนตร์เสียง ศรีกรุง" มาใช้ตั้งชื่อ มีรูปปั้นหลวงกลการเจนจิตตั้งตระหง่านอยู่ข้างหน้าThe front of Thai Film Museum which was named after the Sri Krung Sound Film
ความรักหนังไทยในตัวบุรุษผู้นี้ โดม สุขวงศ์ ดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากเป็นบุคคลแรก (และอาจจะเป็นคนเดียว) ที่ลงทุนไปเปิดหน้าหนังสือพิมพ์เก่าที่ขาดวิ่น ทีละฉบับ ทีละหน้า เพียงเพื่อหาข้อมูลอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหนังไทย จนสามารถเขียนตำราหนังสือจนเป็นเรื่องเป็นราว
ในวัยห้าสิบกว่า ที่จวนจะเกษียณในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดม สุขวงศ์ รู้ว่า ยังมีงานอีกมากมายที่เขาต้องรีบทำ ก่อนที่จะไม่มีอำนาจหน้าที่ในราชการอีก เพราะฉะนั้น หนึ่งในโครงการที่เขาริเริ่มอย่างเงียบ ๆ มาหลายปี ก็เป็นรูปเป็นร่าง และเปิดเผยโฉมออกมาในที่สุด
พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย อยู่ในบริเวณเดียวกับหอภาพยนตร์แห่งชาติ จังหวัดนครปฐม แม้จะเป็นอาคารเล็ก ๆ สูงเพียงชั้นครึ่ง และคงจะใช้เวลาชมให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมง แต่สำหรับคนรักหนังไทยแล้ว การที่ได้มานั่งชม มองเห็นรูปปั้นของผู้กำกับคนสำคัญ ของที่เคยใช้ในฉากหนังเรื่องต่าง ๆ ล้วนทำให้คนรักหนังไทยหลายคน อดอมยิ้มไม่ได้
พิพิธภัณฑ์เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เสร็จสิ้นมาหลายปีแล้ว และเคยใช้เป็นฉากสัมภาษณ์ของคนทำหนังสารคดีที่ถ่ายทำโดยชาวต่างประเทศหลายคน แต่ก็ยังไม่เคยเปิดสู่สาธารณชนสักที
จนกระทั่งในขณะนี้ พิพิธภัณฑ์ได้ทดลองเปิดให้คนมาเยี่ยมชมแล้ว อย่างไม่เป็นทางการ และเฉพาะในวันเสาร์เท่านั้น เหตุผลที่ยังไม่สามารถเปิดให้เข้าชมทุกวัน ก็เพราะว่ายังไม่มีห้องน้ำบริการ เพราะฉะนั้นจึงยังไม่เปิดรับคนจำนวนมากนัก
โดยการเที่ยวชมนั้น จะเปิดให้ครั้งละไม่เกิน 10 คน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยแนะนำและติดตาม เพื่อดูแลสิ่งของด้วย เนื่องจากเป็นการเปิดให้เข้าชมโดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
สำหรับท่านที่ต้องการไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์นั้น ให้ไปที่หอภาพยนตร์แห่งชาติ ตั้งอยู่ที่พุทธมณฑลสาย 5 ศาลายา นครปฐม แม้จะไกล แต่การเดินทางค่อนข้างสะดวก ผู้ที่ขับรถมา ให้มาทาง ถ.ปิ่นเกล้า-นครชัยศรี เมื่อผ่านพุทธมณฑลแล้ว ให้มองทางขวามือ จนเห็นโชว์รูม Toyota ให้ขับต่อไป จนเจอสะพานกลับรถ เมื่อมาถึงปากทางโชว์รูปโตโยต้าแล้ว ให้ขับต่อไป จนเห็นอู่รถแอร์ และสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม หอภาพยนตร์อยู่ในบริเวณนี้ค่ะ
สำหรับท่านที่ไม่มีรถ ให้นั่งรถแอร์สาย 515 จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จนถึงอู่หมดระยะที่ศาลายา ซึ่งจะอยู่ติดกับสำนักงานช่างสิบหมู่
หรือไม่ก็นั่งรถแอร์ 547 ซึ่งจะวิ่งมาทางสีลม ผ่านเจริญกรุง แต่เส้นทางนี้ค่อนข้างจะอ้อม และหาแผนการเดินรถไม่ได้ เพราะเป็นรถร่วมบริการ กรุณาสอบถาม ขสมก ได้ที่ 184
สำหรับท่านที่จะเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ควรสอบถามรายละเอียดกับ หอภาพยนตร์แห่งชาติ ได้ที่นี่ 02 4410263-4

ธปท.ยันไม่โหมลดดอกเบี้ย หวั่นทำเศรษฐกิจทรุดเกินจริง

ผู้ว่าธปท.ยันการประชุมกนง.ครั้งนี้แม้จะมีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แต่ก็จะไม่ลงในระดับที่มากอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ หวั่นส่งผลข้างเคียงเศรษฐกิจคาดทรุดเกินจริง และพร้อมที่จะดูแลด้านสภาพคล่องให้เพียงพอ ส่วนแบงก์กสิกรฯยันปล่อยสินเชื่อตามปกติ แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวอภิปรายหัวข้อ นโยบายการบริหารจัดการเศรษฐกิจภาพรวมของไทย ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจถดถอยของโลก ว่า ธปท.ได้ดูแลนโยบายด้านการเงินด้วยความระมัดระวัง แม้การใช้นโยบายด้านการเงินในบางครั้งอาจส่งผลกระทบในทางตรงข้ามกับวัตถุประสงค์บ้าง แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่เกิดปัญหาเศรษฐกิจที่รุนแรง หากธปท.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงแรงอาจจะทำให้ประชาชนและนักวิเคราะห์เข้าใจว่าธปท.มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและอาจจะทำให้เกิดการตกใจ ซึ่งมีผลต่อทางด้านจิตวิทยา
"ต่างประเทศใช้นโยบายลดดอกเบี้ยรุนแรงเพราะเขาพยายามให้มีผลในการฟื้นเศรษฐกิจจริงและเป็นการให้สัญญาณว่า ธนาคารกลางพร้อมเข้ามาดูแลปัญหาเศรษฐกิจ แต่ของเราอยู่ปลายแถวจะใช้นโยบายลดอกเบี้ยแรงๆ ก็ต้องระวังเพราะมีผลเสียทางจิตวิทยา แทนที่จะสร้างความมั่นใจกลับตรงข้ามเพราะนักวิเคราะห์เห็นตัวเลขอาจไปคาดว่าธปท.มีข้อมูลเชิงลึกก็ต้องระวัง" นางธาริษา กล่าว
นอกจากนี้ การใช้นโยบายการเงินก็มีผลน้อยกว่ามาตรการด้านการคลังอยู่แล้ว กว่าดอกเบี้ยนโยบายจะมีผลต่อภาคเศรษฐกิจจริงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 8 ไตรมาส ซึ่งปัจจุบันมองว่าอยากจะเห็นการกระตุ้นการใช้จ่ายที่มากขึ้นมากกว่าการที่ลดอัตราดอกเบี้ยแล้วจะมีผลเพียงแค่ช่วยเหลือผู้ที่มีหนี้สินเท่านั้น
นางธาริษา กล่าวว่า ธปท.เชื่อว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ใช่วงกลางปี 2552 เนื่องจากขณะนี้สถาบันการเงินของประเทศต่างๆ ที่ประสบปัญหาได้รับการแก้ไขจากภาครัฐ ซึ่งหากภาคสถาบันการเงินเข้าสู่ภาวะปกติก็จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น และรัฐบาลในประเทศต่างๆก็พร้อมในการดูแลเศรษฐกิจอยู่แล้ว
ส่วนสภาพคล่องในประเทศนั้น แม้ว่าล่าสุดสภาพคล่องจะเริ่มตึงตัวขึ้นมาเล็กน้อย เพราะสัดส่วนสินเชื่อเริ่มดีขึ้นมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ตามลำดับ ในขณะที่เงินฝากโตน้อยกว่าสินเชื่อ แต่สภาพคล่องก็ไม่ถือว่าเป็นข้อน่ากังวล เนื่องจากปัจจุบันพบว่าธปท.ยังได้รับสภาพคล่องจากธนาคารพาณิชย์กลับคืนวันละ 4-5 แสนล้านบาท ใกล้เคียงกับจำนวนที่ธปท.ปล่อยออกมาในตลาดในแต่ละวัน ซึ่งก็แสดงว่ายังไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตามในส่วนของดำเนินนโยบายการเงิน ธปท.ไม่ได้ดูเฉพาะเงินเฟ้ออย่างเดียว แต่ได้ดูการเติบโตของเศรษฐกิจประกอบด้วย ซึ่งถ้าหากพบว่าความเสี่ยงของสิ่งไหนมากกว่ากันก็จะดูแลสิ่งนั้นเป็นพิเศษ โดยธปท.ก็เตรียมระวังไม่ให้เกิดฟองสบู่ใน 7 ภาค คือทั้งภาคต่างประเทศซึ่งดูแลไม่ให้มีหนี้มาก
2. ภาคธุรกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน
3. ภาครัฐ
4. ภาคครัวเรือน
5. ภาคตลาดการเงิน
6. ภาคอสังหาริมทรัพย์ และ 7. ภาคสถาบันการเงิน ซึ่งธปท.เห็นว่าเป็นหน้าที่ของธปท.ที่ต้องดูแลไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่
นอกจากนี้ มองว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกในขณะนี้กระทบต่อประเทศไทยไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบโดยตรง ผลกระทบข้างเคียง และผลกระทบทางอ้อม เพราะ พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังถือว่ารองรับได้ โดยในส่วนของผลกระทบโดยตรงนั้นมองว่าไม่มีปัญหา เนื่องจากธนาคารพาณิชย์ของไทยมีเงินลงทุนที่ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศที่แสดงอยู่มีค่อนข้างน้อยเพียง 0.3% ของสินทรัพย์รวม ซึ่งก็ได้ขายออกไปหมดแล้ว อีกทั้งสัดส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารพาณิชย์ไทยก็อยู่ในอัตราที่สูงถึง 15.7% ถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง รวมถึงสัดส่วน NPL ล่าสุดไตรมาส 3 อยู่ต่ำเพียง 3.3% อีกทั้งประเทศไทยไม่ได้พึ่งเงินต่างประเทศจึงไม่เกิดปัญหาเงินฝืด
นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า ในการประชุมนโยบายการเงิน(กนง.)ในวันที่ 3 ธันวาคมที่จะถึงนี้ จะให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศมากกว่าปัจจัยด้านการเมือง ซึ่งในช่วง 4-5 สัปดาห์ที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุน การส่งออก มีการชะลอตัวอย่างชัดเจน ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ทำให้ต้องมีการประเมินความเสี่ยงการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 4 และปีหน้าใหม่ ขณะที่ภาคต่างประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจโลกก็เริ่มชะลอตัวเช่นกัน และจะผลกระทบต่อเอเชีย ในด้านการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
"ขณะนี้ในหลายประเทศมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพราะปัญหาด้านเงินเฟ้อบรรเทาเบาบางลง ไม่มีปัญหาเหมือนในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่เร่งตัวมาก ทำให้ความเสี่ยงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจมีมากเงินเฟ้อ จึงมีพื้นที่ให้นโยบายการเงินสามารถใช้ได้ แต่ในการใช้ก็มีข้อจำกัดในระยะยาว ทำให้ปรับลดดอกเบี้ยลงไม่ได้มาก ต้องดูความเหมาะสมของภาวเศรษฐกิจในขณะนั้น และมีการผสมผสานนโยบายอื่นๆร่วมด้วย เนื่องจากดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำมากจะมีความเสี่ยงในเรื่องการออม"
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า แนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายต้องรอดูปัจจัยแวดล้อมในอนาคต แต่หากพิจารณาจากตัวเลขเงินเฟ้อที่เริ่มลดลงต่อเนื่อง จึงมีความเป็นไปได้ที่ ธปท.จะผ่อนคลายนโยบายการเงินลงได้ ขณะที่แนวโน้มดอกเบี้ยตลาดเงินระยะสั้นมีโอกาสปรับตัวลดลง แต่ถ้าหากเป็นประเภทที่มีเครดิตเข้ามาเกี่ยวข้องก็ต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงอื่นร่วมด้วย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่เครดิตจะสูงขึ้น
"เริ่มเห็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสภาพคล่องในระบบเริ่มตึงตัว เนื่องจากผู้กู้ยืมเงินในธุรกิจต่างๆที่เคยกู้ยืมเงินจากต่างประเทศหันมากู้ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก็จะส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลน้อยลง ส่วนปัญหาที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ตลาดเครดิต แม้จะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากแต่ถ้าหากไม่ปล่อยเครดิตก็คงประสบปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
อย่างไรก็ตามธนาคารจะยังคงมีการปล่อยสินเชื่อตามปกติ แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว เนื่องจากรายได้ของธนาคารพาณิชย์กว่า 70% มาจากการปล่อยสินเชื่อ ดังนั้นธนาคารจึงมีความจำเป็นที่ต้องรักษารายได้ อีกทั้งธนาคารเองมีแผนที่จะต้องขยายธุรกิจและหวังที่จะเติบโต ถึงแม้ว่าในปีหน้าจะต้องระมัดระวังความเสี่ยงทั้งทางด้านเครดิตของธุรกิจ รวมถึงความผันผวนของราคาในตลาดการเงิน เช่น ทิศทางอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น

2551-11-24

องค์บาก2


* วันฉาย กำหนดคร่าวๆที่ 4 ธันวาคม จ้า
หรือการมาของตำนานแห่ง “องค์บาก” และวีรบุรษแห่งการต่อสู้ของ “จา พนม ยีรัมย์” กำลังจะถูกกล่าวขานอีกครั้ง กลับมาตอกย้ำความเป็นผู้นำในการใช้สโลแกนที่ยังไม่เคยมีใครกล้าใช้มาก่อน “ไม่ใช่สลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน ไม่ใช้ซีจี” สุดยอดภาพยนตร์แอ๊คชั่นที่สร้างประวัติศาสตร์แห่งการรอคอยมากที่สุด ที่เคยปรากฏขึ้นในเมืองไทย....ครั้งแรกกับการกำกับการแสดงของ จา พนม ยีรัมย์ ภายใต้การโปรดิวซ์จากปรมาจารย์คิวบู๊อย่าง “พันนา ฤทธิไกร” นำทัพขุนพลแห่งวงการแอ๊คชั่นเมืองไทย สร้างสรรค์ศิลปะการต่อสู้รูปแบบใหม่ผสมผสานกับ “โขน” นาฏศิลป์ขั้นสูงที่มีกำเนิดมายาวนานก่อนพุทธศตวรรษที่ 16....ร่วมด้วยนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทยมากฝีมืออย่าง นิรุตติ์ ศิริจรรยา, สรพงษ์ ชาตรี,สันติสุข พรหมศิริ,ปัทมา ปานทอง และแขกรับเชิญอีกมากมาย อีกไม่นานเกินรอกับ “องค์บาก2”

2551-11-19

เทศกาลหนังเมืองปาย มหกรรมฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกของโลก


เทศกาลหนังเมืองปาย มหกรรมฉายหนังกลางแปลงครั้งแรกของโลก
PAI INTERNATIONAL FILM & ANIMATION FESTIVAL 2008
ขอเชิญทุกท่าน “นอนดูหนัง นั่งฟังเพลง กลางปาย” ผ่านมนต์เสน่ห์หนังกลางแปลง และทัศนียภาพแห่งเมืองปาย เสพศาสตร์และศิลป์ของของหนังนานาชาติทุกยุคสมัย ทั้งหนังคลาสสิก หนังรางวัล ผลงานสร้างสรรค์หนังแอนนิเมชั่น หนังอินดี้ หนังดี ๆ ที่ยังไม่ได้ดูทั้งไทยและเทศ พร้อมอิ่มเอมใจกับการได้ร่วมถวายพระพร 5 ธันวามหาราช กับภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติ กิจกรรมสัมมนา Work shop พบกับการรวมตัวของผู้กำกับชื่อดังที่จะควงคู่กับซูเปอร์สตาร์ในสังกัดร่วมปฏิบัติภารกิจหนังสั้น “ปาย…ความรัก…โลกร้อน” อาทิ ปื้ด -ธนิตย์ จากเรื่อง“ จี้” โขม - ก้องเกียรติ จากเรื่อง “ลองของ” โป๋ย - ศักดิ์ชาย จากเรื่อง “สบายดีหลวงพระบาง” ปัด – ปรัชญา ปิ่นแก้ว จากเรื่อง “ช็อคโกแลต” และผู้กำกับชื่อดังผู้ร่วมภารกิจอีกหลายท่าน นอกจากนี้ยังได้ กระทบไหล่ ตั๊ก -บงกช ที่จะมาร่วมปฏิบัติภารกิจหนังสั้น และกำกับการแสดงด้วยตัวเอง และยังเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาส่งหนังสั้นเข้าร่วมประกวด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ความรักและโลกร้อน” พร้อมร่วมทำกิจกรรมเวิร์คช็อป และพบปะพูดคุยกับผู้กำกับและนักแสดงชื่อดังของเมืองไทย
ทั้งยังดื่มด่ำกับเสียงเพลงกลางลมหนาว ในคอนเสิร์ตของศิลปินชื่อดังที่หมุนเวียนกันมาทุกวัน อาทิ สินเจริญ บราเธอร์, แอม เสาวลักษณ์, ตุ๊ก วิยะดา, โก้ Mr.Saxman, ป้อม AutoBahn, เจี๊ยบ วรรธนา, The Vertigo ดอน กอล์ฟ ตูน, อี๊ด Daddy Dog, อ.ธนิศร์ ศรีกลิ่นดี, เขียว คาราบาว ฯลฯ
“นอนดูหนัง นั่งฟังเพลง กลางปาย” ผ่านสายลมหนาว ณ บริเวณริมแม่น้ำปาย อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน ถึง 7 ธันวาคม 2551 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-589-5625 หรือ www.paifilmfestival2008.com
# # #
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ บริษัท โฟร์ฮันเดรท จำกัด โทร. 02-362-4123-4
คุณสิทธิกร เสงี่ยมโปร่ง (คุณแป๋ง), คุณวีร์สุดา ทองสุข (น้องแอ๊ป) โทร.0-2362-4123-4

2551-11-16

เคหาสน์แสงจันทร์ ต่อจนจบ

ด้วยเหตุนี้เองอภิรุจจึงตัดสินใจพานิรชาหนี โดยมีเป้าหมาย.... เกาะปาปิไลยก์ แต่ในใจเขาไม่อยากจากครอบครัวที่เขารัก พ่อ แม่ และโดยเฉพาะน้องสาว... อินทุภา ซึ่งเขารักและเอ็นดูมากที่สุด เพราะเธอเกิดทีหลังเขาแปดถึงเก้าปี เขาช่วยแม่เลี้ยงน้องเฝ้าดูเธอเติบโตปีแล้วปีเล่า ไม่เคยคิดว่าจะต้องจากกันกะทันหันแบบนี้ ขณะอีกฝ่ายหนึ่ง..... อินทุภาก็รักพี่ชายของเธอมาก เธอเศร้าโศกเสียใจมากต่อการที่จะต้องจากกันครั้งนี้ และเธอได้มอบนาฬิกาแบบแขวนคอ.. ทำจากทองคำ ซึ่งเป็นของรักที่คุณแม่ให้เธอเป็นของขวัญวันเกิด เพื่อว่าจะเป็นประโยชน์ในยามที่พี่ชายเธอจำเป็นขึ้นมา อีกด้านหนึ่ง ละม่อม และมาลัย ก็ได้แต่ตอบคำถาม ไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ในการตายของกุศล ซึ่งถูกฆ่าตายอย่างไร้ร่องรอย จากการสอบปากคำของผู้หมวดหนุ่ม.. สันติราษฎร์ ครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่โกศัลย์ได้กลับมาบ้านในตอนเช้า เพื่อที่จะคุยกับพ่อเรื่องการแต่งงานกับนิรชา ที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า แต่กลับต้องมาพบพ่อนอนตายจมกองเลือด.. ถึงกับผงะ หายสร่างเมาหลังจากเสพสมอารมณ์หมายกับสาวเสิร์ฟในบาร์อย่างร้อนแรง พร้อมกันทีเดียวถึงสองคน เมื่อได้สติ ก็จิกเรียกละม่อม ตะคอกถาม .. ถึงไอ้ฆาตกรที่ฆ่าพ่อ แต่คำตอบที่ได้รับ กลับทำให้โกศัลย์ลุแก่โทสะมากยิ่งขึ้น เพราะละม่อมตอบไปเช่นเดียวกับที่ตอบนายตำรวจ เหมือนพยายามปกป้องฆาตกร ทั้งๆ ที่หล่อนอยู่บ้าน และคนที่ตายก็เป็นนายเหนือหัวมัน แต่กลับไม่รู้เห็นเหตุการณ์เลย ทำให้เขาคิด..ฆาตกรจะเป็นใครไม่ได้ นอกจาก .. ไอ้ปารินทร์ นึกถึงชื่อนี้ .. ยิ่งทำให้เขาเกรี้ยวกราดและโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น เพราะเขาเกลียดชังปารินทร์ .. ผู้เป็นศัตรูในใจเขามาตลอด กอรปกับต้องมาปะทะคารมกับนายตำรวจ.. ที่ไม่เคยผ่านตาเขามาก่อน และกำลังท้าทายอำนาจของ ..โกศัลย์อย่างที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน ก็ยิ่งทำให้เขาเดือดพล่านยิ่งขึ้น ร้อยตำรวจโท สันติราษฎร์ พิทักราษฎร์ เป็นคนรักความยุติธรรม ใจร้อนและตรงเกินไป จนเจ้านายไม่ชอบขี้หน้า เป็นเหตุให้เขาครองตำแหน่งผู้หมวดได้นานกว่าใคร และยังเป็นผู้หมวดที่โดนย้ายบ่อยที่สุดอีกด้วย สถานีตำรวจป่าไทรก็เป็นอีกที่หนึ่ง ที่เขาเพิ่งถูกย้ายมาประจำ และได้รับมอบหมายให้ทำคดีนายกุศลที่ถูกฆ่าตาย .. ตลอดเจ็ดวันที่เขาเหยียบเมืองนี้ เรื่องที่กรอกหูจนน่าเบื่อก็คือ... อำนาจราชศักดิ์เถื่อนๆ ของสองพ่อลูกคู่นี้เท่านั้นเอง ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่า คนของทางการมักเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับการกระทำของสองพ่อลูกคู่นี้มาโดยตลอด จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ ใครบ้างล่ะที่อยากจะเดือดร้อน หรือเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงโดยไม่จำเป็น ถึงจะเป็นหน้าที่ก็เถอะ เพราะเหตุนี้ .. ทั้งกุศลและโกศัลย์ถึงได้ใหญ่โต วางท่ากร่างไปทั่วเมืองโดยไม่เกรงกลัวต่ออะไรทั้งนั้น โกศัลย์คั่งแค้นแน่นอก หลังจากสั่งสมุนนับสิบออกตามล่าปารินทร์ ทั่วทุกซอกทุกมุมของเมืองไม่เว้นแม้แต่ตารางนิ้วเดียวตลอดสามวันสามคืน แต่ก็ไม่มีใครพบร่องรอย ราวกับไม่มีไอ้คนๆ นี้อยู่บนโลก สิ่งเดียวที่ทำให้โกศัลย์สะใจบ้าง .. ก็เห็นจะเป็นเรื่องที่เขาจัดการส่งสันติราษฎร์ .. เข้าไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลในสภาพที่พูดไม่ได้อย่างน้อยก็กว่าสัปดาห์ สมน้ำหน้าที่มันปากดีนัก แม้จะจัดการสั่งสอนผู้หมวดหนุ่มได้ แต่คนที่โกศัลย์อยากได้จริงๆ .. คือปารินทร์ ใช่ว่าจะเพียงแต่แค้นที่ฆ่าพ่อเท่านั้น ทว่าความเป็นศัตรูระหว่างทั้งคู่มีมานานแล้ว แต่เพิ่งจะมีข้ออ้างรุนแรงมากพอ ที่จะเข่นฆ่าอีกฝ่ายได้อย่างต้องการ โกศัลย์สั่งให้ค้นหาต่อไปโดยไม่หยุด ในขณะที่เขาตัดสินใจจะจัดพิธีแต่งงานกับนิรชาทันที ทั้งที่เพิ่งจัดการกับศพของพ่ออย่างรวบรัด ..เสร็จได้สามวันเท่านั้นเอง หลังจากตัดสินใจ ... โกศัลย์ตรงไปบ้านของนิรชา เพื่อสั่งให้พ่อแม่ของนิรชาจัดการตามที่เขาต้องการโดยด่วน แต่ก็พบว่าหล่อนหนีไปแล้ว ..ไปกับไอ้อภิรุจ ...คู่หมั้นเก่า เขานึกในใจ .. ว่าน่าฆ่ามันทิ้งเสียตั้งแต่แรก โกศัลย์จ้องมองแหวนเพชร ที่เขาใช้หมั้นหล่อน ที่เจ้าตัวฝากพ่อไว้เพื่อคืนเขาอย่างบันดาลโทสะ .. ครู่ต่อมา ร่างอันบอบช้ำของสองสามีภรรยาก็ลงไปกองสลบไสลอยู่กับพื้นแทบเท้า ก่อนที่โกศัลย์จะมุ่งตรงไปบ้านอภิรุจ ....... ทางด้าน .. ผู้หมวดสันติราษฎร์ ซึ่งขณะนี้แม้กายจะอยู่ในที่สภาพยับเยิน นอนหยอดน้ำข้าวต้ม แต่ก็ยังมีอารมณ์ขันติดตลก ต่อการเย้าแหย่ของน้องชาย .. สุรวุจ พิทักราษฎร์ นักสืบ แห่ง .. “บริษัทรักไม่จำกัด” ได้ถูกตามตัวให้มาช่วยงานนี้ด้วย เพื่อติดตามดูพฤติกรรมของนายโกศัลย์ แทนเขา เพราะเขาเกรงว่ามันจะไปฆ่าคุณปารินทร์ ขณะที่ อินทุภา .. กำลังนั่งอ่านหนังสือเรียนในสวนหลังบ้าน ก็อดนึกถึงเรื่องที่ผู้คนทั้งเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ถึงการถูกฆ่าตายอันลึกลับของกุศลไม่ได้ ซึ่งมันได้นำความยินดีปรีดาและความสาแก่ใจแก่ชาวเมืองกันโดยทั่วหน้า และต่างก็พากันยกย่องผู้นั้นให้เป็นวีรบุรุษในใจของพวกเขา แต่หล่อนก็อดพิศวงไม่ได้ว่า ใครกันนะที่กล้าสังหารผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของเมืองได้ เมื่อกลับเข้าบ้าน .. อินทุภาต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น ..โกศัลย์และพวกสมุนซ้อมพ่อแม่ของเธอจนเลือดท่วมตัว ส่วนตัวเธอก็โดนตบไปหลายฉาด และไม่สามารถรอดพ้นเงื้อมมือของโกศัลย์ ไปได้ เพราะความสวยของเธอได้ต้องใจโกศัลย์เสียแล้ว ซึ่งเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าไอ้อภิรุจ มีน้องสาว แถมยังสวยกว่านิรชาเสียอีก โกศัลย์จึงตกลงใจให้อินทุภาเป็นคู่หมั้นแทนนิรชา อินทุภาต้องจำใจยอม เพื่อรักษาชีวิตพ่อแม่ของเธอ แต่ทว่าโชคช่วย เมื่อสมุนคนหนึ่งของโกศัลย์เข้ามาขัดจังหวะ โดยแจ้งอะไรบางอย่างแก่เขา โกศัลย์และพรรคพวกสมุนก็ผลุนผลันออกไปทันที โดยทิ้งลูกสมุนวิทย์กับเม่น ไว้เพื่อเฝ้าไม่ให้อินทุภาหนี และยังสั่งกำชับให้เธอเตรียมตัวแต่งงานทันทีที่เขากลับมา .. นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่อินทุภาได้เจอโกศัลย์ และลูกสมุน ..... หกเดือนแล้วที่ โกศัลย์หายไป ทั้งอินทุภาและพ่อแม่ของเธอ ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวง กลัวว่าโกศัลย์จะโผล่มาไม่วันใดก็วันหนึ่ง จดหมายฉบับแรกของอภิรุจก็ถูกส่งมาจากเกาะปาปิไลยก์ และยังถูกส่งมาเรื่อยๆ ทุกสามสี่เดือน อภิรุจเล่าถึงเกาะปาปิไลยก์ และความสุขในการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายของเขากับนิรชา และยังใช้เงินเกือบทั้งหมดซื้อคฤหาสน์หลังมหึมา เก่าแก่และทรุดโทรม เพียงเพราะชื่อของมัน “เคหาสน์แสงจันทร์” ซึ่งพ้องกับชื่อของอินทุภา ... อินทุภาแปลว่าแสงจันทร์ และเขายังเล่าถึงตำนานรักอันแสนเศร้า ที่อภิรุจรู้สึกซาบซึ้งประทับใจ แต่สำหรับอินทุภาแล้ว ..รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างลึกล้ำ อย่างประหลาด อินทุภาได้ทราบเรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับเกาะตลอดสองปีนี้ แต่ทว่าปีหลังนี้ไม่มีจดหมายพี่อภิรุจอีกเลย ทำให้ไม่กล้าคิดว่าอาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น แต่ก็ยังมีเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่ง ครอบครัวสารนิจได้มีสมาชิกเพิ่มอีกสองคน วิทย์กับเม่น .ซึ่งขณะนี้ได้เป็นอดีตลูกสมุนของโกศัลย์ไปแล้ว เพราะมิตรภาพที่ครอบครัวสารนิจมีให้ต่อเขาทั้งสองตลอดสองปีนี้ มันเต็มไป .. ด้วยความรัก ความอบอุ่น ความอ่อนโยน และความจริงใจ ที่เขาทั้งสองไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน .. ถึงแม้เขาทั้งสองจะอยู่ในฐานะ .. คนขับรถและคนสวน จนกระทั่งมาถูกทิ้งไว้ที่บ้านหลังนี้ วิทย์และเม่นรู้สึกว่าเหมือนได้เกิดใหม่ ได้รู้ว่า .. คนดีๆ เขาใช้ชีวิตกันอย่างไร ซึ่งทั้งสามไม่เคยออกคำสั่งพวกเขาเหมือนอย่างที่อดีตนายเก่าเคยทำ มีแต่เพียงการขอให้ช่วยทำ การขอความเห็น หรือแม้กระทั่งปรึกษาหารือ ราวกับว่าพวกเขามีความสำคัญพอๆ กันทุกคน ยิ่งทำให้พวกเขาทั้งรักและบูชานายคนใหม่ และเต็มใจเป็นทาสรับใช้ของครอบครัวนี้ ซึ่งพวกเขาต่างก็เข้าใจว่านายโกศัลย์ได้ตายไปแล้ว จนกระทั่งเม่นได้ข่าวอดีตนายเก่า .. โกศัลยกับลูกน้องกำลังกลับมาหลังจากหายไปสามปี เม่นจึงอาสาคุ้มครองคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ส่วนวิทย์พาอินทุภาหนีไปหาอภิรุจ เนื่องจากแม่ของอินทุภาร่างกายอ่อนแอ ทำให้ไม่สามารถหนีไปพร้อมกันได้ บนเรือข้ามฟาก .. อันหรูหรา อินทุภา สารนิจ สาวน้อยผู้งดงาม น่าถนุถนอม จิตใจอ่อนโยน... หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์อันโหดร้าย ที่โกศัลย์ไปปรากฏตัวที่บ้านเธอ เมื่อสามปีก่อน ทั้งๆ ที่เธอพยายามจะสลัดมันทิ้งไป แต่มันก็ยังตามหลอนในใจเธอมาตลอด แม้จะพร่ำบอกกับตัวเองว่า .. ขณะนี้เธอปลอดภัยแล้ว อยู่บนเรือ .. ที่จะพาเธอไปสู่เกาะปาปิไลยก์ ที่พี่ชายและพี่สะใภ้ตั้งรกรากอยู่ ... เกาะปาปิไลยก์ แบ่งเป็นสองส่วน มีผู้ปกครองสองคน เป็นพี่น้องกัน คนแรกชอบความหรูหราฟุ่มเฟือย หลงการพนัน ส่วนนี้เลยถูกพัฒนาเป็นตามความชอบของผู้ปกครอง มีบ่อนคาสิโนใหญ่มาก ส่วนคนหลังชอบความสงบ ชื่นชมธรรมชาติ เขตนี้จึงไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นอยู่เท่าไรนัก บ้านไร่แสงจันทร์ของอภิรุจก็อยู่ในส่วนนี้ ซึ่งคนไม่ค่อยมากเพราะหนีตามความเจริญกันไปหมด เหลือแต่ชาวเกาะหัวเก่า พวกชอบความธรรมชาติ ชาวไร่ ชาวสวนเท่านั้นเอง นี่เป็นเหตุผลที่อภิรุจและนิรชาเลือกมาตั้งรกรากที่นี่ เพราะมีคนแปลกหน้าเข้าออกมากมายทุกวัน ไม่มีใครสนใจใคร ซึ่งขณะนี้อินทุภาและวิทย์ กำลังโดยสารเรือข้ามฟากไปเกาะปาปิไลยก์ ในระหว่างนี้เองที่อินทุภาได้รู้จัก จิตรดิลก และ จิตรานุช ชิโนบุ สองพี่น้องลูกครึ่งญี่ปุ่นโดยบังเอิญ ซึ่งทั้งสองไม่แตกต่างจากพวกสิบแปดมงกุฎเท่าใดนัก เป็นพวกนักหลอกลวงต้มตุ๋น หากินโดยการปอกลอกผู้คน ที่มาเล่นการพนันบนเกาะแห่งนี้ ซึ่งจะเลือกเหยื่อพวกเศรษฐีกระเป๋าหนักๆ และโง่พอที่จะให้พวกเขาหลอกได้ จิตรดิลก หนุ่มเจ้าเล่ห์ ผู้หลงใหลการเล่นพนันอย่างเป็นชีวิตจิตใจ เมื่อได้พบอินทุภาครั้งแรก ถึงกับตะลึงในความงามของเธอ ในใจลึกๆของเขาสนใจอินทุภาอยู่ไม่น้อยเชียว จิตรานุช สาวสวยเซ็กซี่ ร้อนแรง เธอมักใช้เรือนร่างอันเย้ายวนของเธอ ในการหลอกล่อเงินทองจากกระเป๋าของพวกผู้ชายที่บ้าตัณหา วิทย์ไม่ชอบสองคนพี่น้องนี้เลย โดยเฉพาะจิตรดิลก เพราะ วิทย์มองออกว่าสองคนนี้เป็นคนประเภทไหน จึงเตือนอินทุภาให้ห่างๆ แต่ด้วยความไร้เดียงสาและมองโลกในแง่ดีของอินทุภา ทำให้เธอมองข้ามคำเตือนของวิทย์ไป โดยหารู้ไม่ว่าสองพี่น้องคู่นี้จะนำความเดือดร้อนมาสู่ชีวิตเธอเพียงใด ภาพแรก .. ที่อินทุภาเห็นเกาะปาปิไลยก์นั้นถึงกับแปลกใจมาก เพราะในความคิดของเธอมันไม่ใช่เกาะที่ถูกพัฒนาจนเกือบจะกลายเป็นเกาะมาเก๊าแห่งที่สองแบบนี้ มันเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือเค้าเดิมเลย .. ไม่มีอะไรเหมือนเดิมเลย ... เสียงในใจเธอมันบอกอย่างนั้น แต่เมื่อเธอรู้สึกตัว ...นึกทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ก็อดขำไม่ได้ ที่คิดไปได้ว่าเกาะนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก ... มันจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะเธอเพิ่งเคยมาครั้งแรก ทั้งอินทุภาและวิทย์ ... ทั้งสองดูเก้ๆ กังๆ เมื่อมาถึงเกาะ และไม่รู้จะหาที่พักได้ที่ไหน จึงเป็นโอกาสของ จิตรดิลกที่จะสร้างมิตรกับอินทุภา ด้วยการให้คำแนะนำและข้อมูลที่พักโรงแรมบนเกาะนี้ ทำให้ทั้งคู่ได้ที่พัก สำหรับค้างคืน เพื่อที่ตอนเช้าจึงค่อยออกเดินทางไปบ้านไร่แสงจันทร์ ณ โรงแรม วิทย์ ตกใจตื่นกลางดึก เพราะเสียงร้องของอินทุภา จนเขาพักอยู่ห้องข้างๆ แทบช็อก นึกว่ามีใครเข้ามาทำร้ายเธอ.. อินทุภากำลังฝันร้าย วิทย์ปลุกให้เธอตื้นขึ้นมา อินทุภาฝันว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ .. อภิรุจและนิรชามาบอกลาเธอด้วยนัยน์ตาที่หมองเศร้าอย่างบอกไม่ถูก แต่ที่น่าแปลกก็คือ ในฝัน.. อภิรุจกับนิรชายังบอกว่า .. เขาทั้งสองรอคอยการกลับมาของเธออยู่ และมันก็เป็นจริง ทำราวกับเธอเคยอยู่เกาะแห่งนี้มาก่อน ซึ่งอินทุภาไม่เข้าใจเพราะเธอเพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรก อินทุภาใจไม่ดีกับความฝัน รู้สึกสังหรณ์ใจ ทำให้ไม่สามารถข่มตาหลับได้ จึงออกเดินทางไปบ้านไร่แสงจันทร์ แต่เช้ามืด เมื่อมาถึงภาพที่อินทุภาเห็น .. คฤหาสน์สีขาวขนาดใหญ่ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนิน สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวทั้งหลัง ทรุดโทรมจนแทบจะพังมิพังแหล่ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะเจ้าของสองรุ่นสุดท้ายบ้าการพนันจนไม่สนใจ แต่สำหรับอินทุภามันเป็นความรู้สึกที่เจ็บปวด คล้ายกับว่าพลัดพรากจากไปนาน แล้วได้กลับมาบ้านอีกครั้ง แต่ทว่ามันไม่ได้เป็นเหมือนเดิมดังที่เคยเป็น ..ที่ครั้งหนึ่งคฤหาสน์หลังนี้เคยงดงามและแข็งแกร่งเพียงใด เสียงในตัวเธอมันบอกเช่นนั้น อินทุภาน้ำตาไหลพรากโดยไม่รู้ตัว ขณะนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมจึงชื่อเคหาสน์แสงจันทร์ ไม่เพียงแต่ผู้สร้างจะให้ชื่อมันตามชื่อภรรยาอย่างที่อภิรุจเล่าเท่านั้น แต่เป็นเพราะที่หินอ่อนสีขาวต้องแสงจันทร์ มันให้ภาพที่งดงามอย่างหาใดเปรียบไม่ได้เลย และการที่มันตั้งอยู่บนเนินทำให้ได้รับแสงจันทร์เต็มที่โดยไม่มีอะไรมาบดบัง ยิ่งทำให้งดงามโดดเด่นชวนตะลึงยิ่งขึ้น ...เมื่ออินทุภารู้สึกตัว จากเสียงเรียกของวิทย์ เธอก็อดงงไม่ได้ที่จู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ แบบนั้น หนำซ้ำยังร้องห่มร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัวอีก ที่คฤหาสน์แสงจันทร์ อินทุภาได้พบกับหญิงวัยกลางคน.. พวงเงิน แม่บ้านที่ดูแลคฤหาสน์หลังนี้ อภิรุจและนิรชาคือสิ่งเดียวที่ทำให้เธอรีบเดินทางมาที่นี่ .. เธอรีบถามหาเขาทั้งคู่กับพวงเงิน สิ่งสังหรณ์ใจก็วูบขึ้นมาในอก มันเป็นจริง เขาสองคนเสียชีวิตแล้ว พวงเงินเล่าให้ฟังว่า อภิรุจเริ่มเจ็บไข้เล็กๆ น้อยๆ หลังจากที่นิรชาเสียชีวิตได้เดือนเดียว เขาตรอมใจ ต่อการตายของนิรชาเพราะแท้งลูกคนแรก ทำให้เขาป่วยหนักเจ็บกระเสาะกระแสะตลอดหกเดือน และไม่ยอมที่จะรักษา มีการส่งจดหมายมากมาย และเอกสารหลายอย่างที่ทนายความนำกลับไป หลังจากที่พูดคุยกับ อภิรุจ เวลาส่วนใหญ่ของเขาจึงหมดไปกับการพูดคุยกับทนายความ จนอาการทรุดหนักถึงขั้นลุกไม่ไหว แต่ก็ยังเรียกหาทนายความ จนกระทั่งเขาหมดแรงและเสียชีวิตในที่สุด .. แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่อินทุภารู้สึกแปลกใจ ตลอดหนึ่งปีมานี้เธอไม่ได้รับจดหมายจากพี่ชายเธอเลยแม้แต่ฉบับเดียว ตลอดสามเดือนที่อินทุภาอยู่บ้านหินอ่อนหลังนี้ มักมีความรู้สึกแปลกๆ ที่เธอไม่เข้าใจ มันคล้ายกับว่าเธอคุ้นเคยที่นี่เป็นอย่างดี และแน่ใจว่าเคยเห็นที่นี่ถูกตกแต่งไว้อย่างเลิศหรู ถึงแม้ตอนนี้มีแต่ความว่างเปล่าและทรุดโทรมก็ตาม เธอรู้สึกได้ถึงคืนวันแห่งความสุข และความทุกข์ทรมานของความสูญเสีย เธอมักฝันบ่อยๆ ว่าตัวเองกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง รอคอยสิ่งนี้ด้วยความหวัง แต่ทว่าสิ่งนั้นไม่เคยปรากฏให้เธอเห็นเลย อินทุภาเข้าใจว่าเธอคิดฟุ้งซ่านไปเอง หรืออาจเป็นเพราะตำนานรักแสนเศร้า ที่คฤหาสน์หลังนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นของขวัญรักแก่ภรรยา แต่เขากลับต้องมาสูญเสียเธอไป หลังจากแต่งงานได้เพียงสามเดือนเท่านั้น อินทุภานึกถึงเรื่องนี้ทีไร รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ราวกับว่ามันได้เกิดขึ้นกับตัวเธอเองมากกว่าจะเป็นเรื่องเล่า ที่เล่าต่อๆ กันมา ทางด้านปารินทร์ ..หลังจากที่เดินทางออกจากเมืองป่าไทร เขาตระเวนไปทั่ว เจอเหตุการณ์มากมายทั้งร้ายและดี ทำให้เขาได้เรียนรู้อะไรมากมาย รู้ว่าต้องใช้ชีวิตแบบไหน ต้องทำตัวยังไงถึงจะอยู่รอดปลอดภัย ยกเว้นสิ่งเดียว .....ภาพเด็กสาวที่อยู่ในนาฬิกาพก ที่อภิรุจให้เขาไว้ เขาไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง ปารินทร์รู้สึกหลงใหลและผูกพันกับเด็กสาวในภาพมาก เขามองดูภาพนั้นที่ติดตัวเขาไม่เคยห่างทุกวันตลอดสามปีนี้ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยพบเและรู้จักเธอมาก่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนมีตัวตนจริงหรือไม่ แต่ทำไมหล่อนถึงมีอิทธิพลกับเขามาก มากเสียจนเขาแทบคลั่ง ฝันได้พบหล่อนในสถานที่ที่ไม่เคยผ่านตามก่อน เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร พยายามที่จะสลัดความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ให้ออกไปจากจิตใจ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะห้วงลึกในจิตใจที่โหยหาหล่อน .... ตลอดสามปีนี้เขาต้องทุกข์ทรมานกับความรู้สึกเหล่านี้ มีหลายครั้งที่เขาเคยคิดขายมันไป และมีอีกหลายครั้งที่เขาทิ้งไว้ที่โรงแรมที่เข้าพัก แต่มิวายต้องรนรานกลับไปเอาทุกที แม้การเก็บมันไว้จะทำให้เขาทุกข์ทรมานก็ตาม แต่ขณะนี้ ... เธอกำลังยืนต่อหน้าเขา ซึ่งเขาไม่คาดคิดมากก่อนว่าจะได้มาเจอที่นี่ ที่ ...คฤหาสน์ หลังจากที่เขาได้พบนายบรรจบ ทนายความของอภิรุจ ซึ่งนายบรรจบได้จ้างนักสืบเสาะหาเขามาตลอดหนึ่งปีเต็ม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของอภิรุจ ที่ได้ทำพินัยกรรมยกมรดกทั้งหมดให้ ปารินทร์ ...ปารินทร์พูดไม่ถูกกับสิ่งที่ได้รับ และไม่เข้าใจว่าทำไมอภิรุจจึงตัดสินใจเช่นนี้ ได้แต่ทำตามที่บรรจบแนะนำ คือแวะมาดูของที่กลายมาเป็นของเขาอย่างไม่คาดฝัน ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป “ เคหาสน์แสงจันทร์ ” ชื่อนี้ทำให้เขารู้สึกร้าวลึกๆ ในใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อยากไปที่นั่น แต่มันมีอะไรบางอย่างเรียกร้องเขาอยู่ เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาที่นี่ ภาพแรก .. ที่เขาเห็นคฤหาสน์ มันอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและเคียดแค้นอย่างประหลาด เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น เมื่อปารินทร์และอินทุภาได้พบกันครั้งแรก ทั้งคู่เหมือนอยู่ในความฝันอันลึกลับ รู้สึกราวกับว่าเป็นคู่รักที่รักกันมาก แต่ต้องมาพลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน ทั้งเขาและเธอต่างก็โหยหาอ้อมกอดซึ่งกันและกัน ซึ่งทั้งสองต่างไม่เคยเจอกันมาก่อน มีแต่ทางฝ่ายปารินทร์ที่รู้จักอินทุภามาก่อน จากรูปถ่ายที่เขาฝันถึงหล่อนทั้งยามหลับและตื่น เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ที่ได้มาพบสาวน้อยในภาพ แต่ทว่าไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่งความงดงามของเธอ ถึงกับทำให้เขาเหมือนต้องมนต์สะกด ส่วนอินทุภา .. แปลกใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น เธอรู้สึกได้ถึงอ้อมอกอันอบอุ่น เหมือนเธอเคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งนานแสนนานมาแล้ว จากชายแปลกหน้า ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยพบชายคนนี้มาก่อน หลังจากที่ทั้งสองแนะนำตัวและได้พูดคุยกัน อินทุภาจึงทราบจุดประสงค์การมาของปารินทร์ ทำให้เธอ รู้สึกโกรธและเกลียดพี่ชายมาก.. ที่อภิรุจยกทรัพย์สินทั้งหมดให้ชายแปลกหน้าคนนี้ ทั้งเคหาสน์แสงจันทร์ ไร่อ้อยหนึ่งร้อยยี่สิบไร่ รถยนต์สองคัน และบัญชีเงินฝากจำนวนสองล้านห้าแสนบาท ซึ่งอินทุภาเข้าใจว่าถ้าอภิรุจรู้ว่าเธอจะมาที่นี่คงไม่เขียนพินัยกรรมโหดร้ายเช่นนี้แน่ ... แต่สิ่งที่แย่ไปกว่านั้นขณะที่ทั้งสองพูดคุยกัน ..ราวกับปะทะคารม คำพูดของปารินทร์ ที่บอกว่าเขาต้องการอยู่ที่นี่คนเดียวและไม่ต้องการให้ใครมารบกวน มันทำให้เธอเข้าใจว่า เขาต้องการให้เธอทั้งวิทย์และพวงเงินย้ายออก ในฐานะเจ้าของคฤหาสน์คนใหม่ ..ซึ่งเธอก็ยินยอมทำตาม แต่ด้วยการทักท้วงของวิทย์ ว่าที่นี่เป็นที่หลบภัยดีที่สุด จากการตามล่าของโกศัลย์ ทำให้เธอก็ตัดสินใจอยู่ต่อ ปารินทร์นึกโกรธและกำลังต่อว่าตัวเอง ที่ใช้วาจาร้ายๆ กับหล่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความรู้สึกพิเศษใดๆ กับสาวสวยอย่างเธอเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ใจเรียกร้อง แต่กลับพูดในสิ่งตรงกันข้าม พอเห็นหล่อนเจ็บปวด เขาก็พลอยเจ็บปวดไปด้วย เขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เมื่ออยู่ใกล้หล่อนเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ มันเหมือนจะคลั่งและสับสน ... ความรู้สึกที่เขามีต่ออินทุภามันรุนแรงมากขึ้น เขารู้สึกถึงรสชาติในยามกอดร่างอันบอบบางของหล่อน จนเหมือนกับว่าหล่อนเป็นของเขาทั้งเนื้อทั้งตัว ทั้งกายและใจ ความรู้สึกมันทวีมากขึ้น จนรู้สึกหวงแหนและอยากปกป้อง จนเผลอคว้าหล่อนมากอดจูบอย่างดุดัน และถูกหล่อนตบหน้ามาหนึ่งฉาด พร้อมกับน้ำตาหล่อนที่ไหลอาบแก้ม ขณะที่กำลังปะทะคารมกัน ที่ศาลากลางสวน ก่อนที่เขาจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็วดั่งพายุก็ว่าได้ ปารินทร์เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาไม่อาจทนเห็นหล่อนเจ็บปวดได้อีก แต่ก็ไม่รู้จะจัดการกับตัวเองอย่างไร รู้แต่เพียงว่าให้ห่าง อินทุภา สารนิจ ให้มากที่สุดเป็นพอ เพราะการอยู่ใกล้หล่อนทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างน่ากลัว กลายเป็นคนปากอย่างใจอย่าง ทำให้เธอยิ่งเข้าใจผิด ต่อความรู้สึกที่แท้จริงของเขา เขาจึงตัดสินใจที่จะไปจากหล่อน ไปจากเกาะแห่งนี้ให้เร็วที่สุด โดยยกมรดกทั้งหมดคืนแก่อินทุภา ทางฝ่ายอินทุภารู้สึกไม่สบายใจ กระวนกระวาย เฝ้ารอการกลับมาของปารินทร์ เธอพยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเขา แต่ไม่สามารถทำได้ เธอไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงรู้สึกเช่นนี้ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักเขาเลย อินทุภาทราบเรื่องที่ปารินทร์คืนมรดกให้เธอ จากนายบรรจบ เธอแปลกใจกับการตัดสินใจของเขา เพราะเมื่อวันก่อนเขายังต้องการให้เธอไปจากคฤหาสน์ เธอควรจะยินดีที่จะได้มรดกคืน แต่เธอกลับไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะในใจลึกๆ เธอไม่อยากให้เขาไป ถึงแม้เธอจะรู้สึกเจ็บปวดต่อท่าทีของเขา ที่ไม่สนใจใยดีเธอก็ตาม อินทุภาเดินทางไปหาปารินทร์ เพื่อพูดคุยกับเขาเรื่องนี้ เธอไม่ยอมเซ็นรับมรดกคืน และอ้างว่าพี่ชายเธอได้ยกให้เขาแล้ว ปารินทร์ไม่สนใจต่อคำพูดของเธอและยังยืนกรานเช่นเดิม เธอพยายามเกลี้ยมกล่อม โดยอ้างว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ไม่สามารถจะจัดการกับไร่อ้อยอันรกร้าง เป็นร้อยไร่ ได้ แล้วยังคฤหาสน์มหึมานั่นอีก และเขามีส่วนต้องรับผิดชอบภาระหน้าที่ตรงนี้ด้วย เธอยื่นข้อเสนอให้แบ่งมรดกกันคนละครึ่ง แล้วให้ช่วยเธอดูแล เขาใจอ่อนตกลงรับข้อเสนอ ซึ่งจริงๆ เขาไม่อยากได้มรดก แต่ใจที่เขาไม่อยากจากเธอไปต่างหาก นับตั้งแต่ปารินทร์ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ ความรู้สึกที่เขาหลงใหลและคลั่งไคล้อินทุภาก็ทวีมากขึ้น จนเขาแทบจะบ้าคลั่ง ถึงกับเก็บไป ฝันว่าหล่อนเป็นของเขาอย่างลึกซึ้ง เขาพยายามต่อสู้ต่อความรู้สึกของตนเอง ยิ่งเขาพยายามต้าน มันก็ยิ่งทำให้เขาทุกข์ทรมานมากยิ่งขึ้น เขาพยายามซุกซ่อนความรู้สึกนี้ ไม่ให้เธอรู้ เพราะในใจเขาตระหนักดีว่า.. เขาเป็นฆาตกรฆ่าคนตาย ไม่อยากที่จะฉุดเธอไว้กับคนอย่างเขา และเขาก็ไม่กล้าพอที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อเธอ เพราะไม่รู้ว่าเธอก็รู้สึกเช่นเดียวกับเขาหรือไม่ มันทำให้เขา อึดอัด เก็บกด ทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมาก เขาปกปิดความรู้สึกตัวเอง ด้วยการแสดงออกท่าทีเย็นชา เมินเฉยไม่สนใจใยดีเธอ และหาวิธีเลี่ยงเธอ ด้วยการแบ่งหน้าที่ให้อินทุภาดูแลตกแต่งคฤหาสน์ ส่วนเขารับผิดชอบงานในไร่ ปารินทร์ทุ่มเทให้กับงานในไร่ และทำงานอย่างหนักมากเหมือนคนบ้า เพื่อจะได้ไม่ต้องฝันถึงเธออีก เพราะเหนื่อยจนหลับสนิท ... งานในไร่อ้อย ซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อนนั้น เขาได้รับความช่วยเหลือจากนายบรรจบ ด้วยการตามคนงานเก่าๆ ที่กระจัดกระจายหลังจากที่อภิรุจตายไปให้กลับมาช่วย เขาได้รับการแนะนำให้สร้างโรงงานผลิตน้ำตาล เนื่องจากมันดีกว่าจะนำอ้อยไปส่งขายให้กับผู้ผลิต เพราะเกาะปาปิไลยก์มีความต้องการน้ำตาลมาก ทุกปีน้ำตาลไม่เคยพอใช้ ทำให้มันมีราคาดีกว่าผลผลิตอื่นๆ ส่วนทางด้านอินทุภา ปารินทร์จ้างเด็กรับใช้หลายคนรวมทั้งคนสวน มาช่วยเธอในการดูแลคฤหาสน์ ทำให้คฤหาสน์จากทรุดโทรมเปลี่ยนไปราวกับเนรมิตใหม่ สวยงาม โดดเด่นเป็นสง่า มีผู้คนเพิ่มขึ้น มีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ทว่าห้วงลึกในจิตใจของอินทุภากลับไม่รู้สึกเช่นนั้น นับวันเขาและเธอยิ่งเหินห่าง ทั้งๆ ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่แทบไม่เจอกันเลย เธอรู้ว่าเขาพยายามหลบหน้า แต่เธอก็อดคิดถึงเขาไม่ได้ ฝันถึงเขาบ่อยๆ รู้สึกราวกับว่าคุ้นเคยและสนิทสนมกับเขามาก่อน ทั้งๆที่เธอแทบจะไม่รู้จักเขาเลย หล่อนไม่เข้าใจกับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น และพยายามหยุดมันก่อนที่จะทำให้เธอเป็นบ้าไปจริงๆ จนกระทั่งมีเหตุการณ์ที่ทำให้คนทั้งสองได้รับรู้ความรู้สึกอีกฝ่าย และปารินทร์เปิดใจที่จะยอมรับความรู้สึกที่มีต่ออินทุภา เมื่อวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของอินทุภามาถึง เขาตั้งใจเตรียมของขวัญวันเกิดให้เธอ มันเป็น .. สร้อยไข่มุกสีชมพู ที่ปารินทร์ดำน้ำลงไปงมหอยนางรมที่อ่าวลึกด้วยตัวเขาเอง เพื่อหาไข่มุกมาทำเป็นสร้อย ..จนทำให้เขาล้มป่วยเกือบเป็นปอดบวม เพราะจากการที่เขาไม่ได้พักผ่อน และยังใช้ร่างกายอย่างหนักในการทำงานที่ไร่อ้อย ขณะที่เธอเฝ้าไข้ปารินทร์ ซึ่งนอนไม่รู้สึกตัวอยู่นั้น เธอทุกข์ทรมานใจมาก และเป็นครั้งแรกที่รู้ว่าเธอรักผู้ชายคนนี้มาก มากจนไม่รู้ว่ามันเริ่มหรือสิ้นสุดที่ตรงไหน รู้แต่เพียงว่า หากเขามีอันเป็นไป เธอไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ อินทุภานอนกระสับกระส่าย ด้วยความเป็นห่วง สองวันแล้วที่อินทุภาถูกพวงเงิน.. แม่บ้าน หัวเก่ากันไม่ให้เข้าใกล้เตียงปารินทร์ นานเกินความเหมาะสม หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากคุณหมอว่าพ้นขีดอันตราย และจะหายดีในไม่ช้า เธอตัดสินใจแอบเข้าไปดูเขา หลังจากที่แน่ใจว่าทุกคนหลับกันหมดแล้ว ทางฝ่ายปารินทร์รู้แล้วว่าเธอห่วงใยเขา ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่าเธอไม่มีใจให้ และด้วยพิษไข้เขายังนอนซมอยู่ ทำให้ปารินทร์ไม่สามารถต้านความรู้สึกของตัวเองได้ เขาทำตามที่ใจเรียกร้อง เอ่ยปากแกมอ้อนวอนเธอให้ขึ้นมานอนคุยกับเขาบนเตียง และทั้งสองก็เผลอหลับไป จนกระทั่งพวงเงินมาพบเข้าในตอนเช้า ปารินทร์แก้สถานการณ์ ด้วยท่าทีที่ปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ว่าทั้งเขาและเธอตกลงใจแต่งงานกัน ทำให้อินทุภาต้องตกกระไดพลอยโจนไปกับเขา การแต่งงานมีขึ้น แต่ทว่าไม่เหมือนคนที่รักกัน อินทุภาเจ็บปวดใจ เพราะปารินทร์ได้บอกแก่เธอก่อนการแต่งงานสามวัน ด้วยท่าทีที่เย็นชา ว่าเป็นการแต่งเพียงในนามเท่านั้น เพื่อสะดวกในการหย่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกันจริงๆ ทำให้อินทุภาเข้าใจว่าปารินทร์ไม่ได้อยากแต่งกับเธอ แต่เป็นเพราะสถานการณ์ผูกมัด ทั้งๆ ที่รู้เช่นนี้เธอก็ยังแต่งกับเขา เพราะเธอรักเขามาก แต่ทว่าปารินทร์ รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาจงใจมัดอินทุภาให้แต่งงาน ทั้งที่จริงเขาสามารถอธิบายให้พวงเงินเข้าใจสถานการณ์ที่แท้จริงได้ แต่เขาไม่ทำ และยังใช้สถานการณ์บิดเบือนความจริงจนได้ในสิ่งที่ต้องการ คืออินทุภา เพราะเขาไม่สามารถปฏิเสธใจตัวเองได้อีกต่อไป และยอมรับว่าเขารักอินทุภามาก แต่ยอมทำตามใจที่เรียกร้องได้เพียงแค่จดทะเบียน เพราะเขาเป็นห่วงเธอ ไม่อยากฉุดเธอลงไปมากกว่านี้ เธอจะรู้สึกอย่างไร ถ้าวันหนึ่งรู้ว่าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียฆาตกร ปารินทร์อดนึกห่วงไม่ได้ ในวันแต่งงาน หลังจากเสร็จพิธี เธอเดินหาสร้อยไข่มุกที่หล่นหายไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้เธอเจอห้องเก็บของห้องหนึ่ง ซึ่งเธอสงสัยว่ามันถูกลืมไปได้อย่างไร เมื่อตอนบรูณะคฤหาสน์ แต่สภาพจิตใจเธอก็ย่ำแย่พอที่จะไม่อยากเจอใคร เธอหาข้ออ้างให้กับตัวเอง โดยการขับรถเข้าไปในเมืองคนเดียว เพื่อเอาสร้อยไข่มุกไปซ่อมตะขอเกี่ยว ขณะที่เธอกำลังรีบร้อนเข้าจอดรถ ที่หน้าร้านจิลเวอรี่ ทำให้เธอเกือบจะชนจิตรานุชเข้า จึงอาสาไปส่งเธอที่พักโรงแรม ขณะนั้นเองจิตรานุชฉวยโอกาสตอนที่อินทุภาเผลอ ขโมยสร้อยไข่มุกที่วางอยู่หน้ารถ อินทุภาเจอจิตรดิลกที่โรงแรม พร้อมกันนั้นก็เอ่ยปากชวนสองพี่น้องถ้ามีโอกาสก็แวะไปพักที่บ้านเธอได้ จิตรดิลกจึงเดินมาส่งเธอที่รถ ขณะเดียวกับที่ ปารินทร์มาเห็นเข้า หลังจากที่เขารู้ว่าอินทุภาขับรถเข้าเมืองไปคนเดียว จึงรีบขับรถตามมา ภาพที่อินทุภากับ จิตรดิลกเดินออกจากโรงแรมด้วยกัน ทำให้เขาโกรธและอดคิดไม่ได้ว่า .. แต่ท้ายสุดเขาก็เชื่อมั่นในตัวเธอ และสสัดความโกรธนั้นออกไป แต่ทว่ามันก็ดึกเกินกว่าที่จะกลับ เขาตัดสินใจค้างคืนในเมืองและตั้งใจจะไปรับต่างหูไข่มุกที่สั่งทำไว้ในตอนเช้า และคิดว่าจะมอบให้เธอ เพื่อเป็นการขอโทษที่ทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวในคืนแต่งงาน แต่กลับมาพบจิตรดิลกเอาสร้อยไข่มุกมาขายที่ร้านจิลเวอรี่ เขาจำได้ว่าเป็นเส้นเดียวกับที่ให้อินทุภา ในวันคล้ายวันเกิด เพราะที่ตะขอเกี่ยวเขาทำอักษรภาษาอังกฤษ ไอ เอ็ม แอล ซึ่งย่อมาจาก อินทุภา มาย เลิฟ และจิตรดิลกยังอ้างว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของที่คนรักให้ไว้แทนตัวเธอ ทำให้ ปารินทร์ เข้าใจผิดคิดว่าอินทุภามีอะไรกับจิตรดิลก และซื้อคืนกลับมาด้วยราคาสองเท่าของที่ร้านตีราคา ระหว่างที่อินทุภารอคอยปารินทร์ทั้งคืน ทำให้เธอนึกถึงห้องเก็บของ เธอจึงเข้าไปดู เดินตรงไปที่ตู้ไม้ชำรุดเก่าๆ อย่างคุ้นเคย ซึ่งก็อดนึกแปลกใจไม่ได้ว่าเธอรู้ได้อย่างไร มันเป็นความรู้สึกที่วาบขึ้นมาเอง เธอพบภาพเขียน ซึ่งเป็นรูปชายหนุ่มและหญิงสาว แต่ทว่าใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของภาพมันทำให้เธอแทบช็อค มันทำให้เธอเข้าใจ กับความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับคฤหาสน์หลังนี้ และความรู้สึกที่มีต่อปารินทร์ เธอเก็บสิ่งนี้เป็นความลับ โดยที่ไม่มีใครรู้ อินทุภางงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เข้าใจว่าทำไมปารินทร์ โกรธเธอมากมาย ถึงกับตบหน้าเธอพร้อมกับประณามเธอว่าเป็นผู้หญิงแพศยา หลังจากที่เขากลับมาถึงบ้านพร้อมกับโยนสร้อยไข่มุกให้เธอ ซึ่งเธอเข้าใจว่าเธอลืมไว้ที่หน้ารถ แต่อินทุภาก็อดทนต่อการกระทำที่ทำร้ายจิตใจของ ปารินทร์ เพราะด้วยความรักที่เธอมีให้เขา ขณะที่สองพี่น้องชิโนบุกำลังถังแตก จิตรานุชคิดแผนการให้พี่ชายเธอ .. จิตรดิลกจับอินทุภา เพื่อหวังปอกลอก หลังจากที่รู้ว่าเธอเป็นถึงเจ้าของคฤหาสน์และมีฐานะ จึงมาขออาศัยพักกับอินทุภา โดยอ้างว่ามาตามคำเชิญของอินทุภา แต่ก็ไม่ได้เป็นไปตามที่วางแผน เมื่อพบว่าอินทุภาแต่งงานแล้ว ส่วน จิตรดิลกก็พูดอะไรไม่ออกเมื่อพบว่า คนที่เขาขายสร้อยให้คือ สามีของหล่อน ขณะที่น้องสาวของเขาขโมยมันจากอินทุภา ทางฝ่ายปารินทร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับจิตรดิลก และยังให้การต้อนรับสองพี่น้องเป็นอย่างดี แถมยังประชดอินทุภาด้วยแสดงละครว่าทั้งเขาและเธอรักกันดีต่อหน้าสองพี่น้องนั่น แต่ด้วยความฉลาดของจิตรานุช เธอดูออกว่าสองผัวเมียคู่นี้กำลังมีปัญหา เธอจึงใช้จุดอ่อนนี้ เริ่มแผนการยุแหย่ผัวเมียคู่นี้ โดยให้พี่ชายเธอสนิทสนมกับอินทุภา ส่วนเธอคอยเป่าหูปารินทร์ ทำให้ ปารินทร์เข้าใจว่าอินทุภามีใจกับจิตรดิลกจริง ส่วนปารินทร์ประชดเธอด้วยการสนิทสนมกับจิตรานุช ที่คอยยั่วยวนให้ท่าเขา ทำให้ต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดกัน แต่ทว่าไม่สามารถทำให้ทั้งคู่เลิกกันได้ เพราะความรักอันลึกซึ้งที่ทั้งสองผูกพันกันมานานแสนนาน สองพี่น้องเมื่อเห็นว่าแผนการที่จะทำให้คนทั้งคู่เลิกกันนั้นไม่สำเร็จ และพวกเขาก็ไม่อยากไปมือเปล่า จึงวางแผนขโมยไข่มุกสีชมพู โดยแอบไปดำน้ำที่ก้นอ่าวตอนกลางคืน เพื่อที่จะงมหอยขึ้นมา แต่ก็ถูกจับได้ปารินทร์จึงไล่สองพี่น้องออกไปจากคฤหาสน์ทันทีทำให้จิตรานุชอาฆาตแค้น ที่ถูกปารินทร์ไล่ออกอย่างกับหมูกับหมา ทางฝ่ายอินทุภา.. เธอมักจะเข้าไปร้องไห้คนเดียวในห้องเก็บของเสมอๆ เธอใช้ภาพเขียนนั้นคอยปลอบประโลมใจตัวเองตลอดมา วิทย์ซึ่งจงรักภักดีต่อนาย ไม่สามารถทนเห็นอินทุภาต้องเจ็บช้ำอีกต่อไปได้ ต่อท่าทีที่หมางเมินของปารินทร์ จึงตัดสินใจเข้าไปคุยกับปารินทร์ แต่ก็ทำให้วิทย์ถึงกับอึ้งและโกรธมาก ที่กล่าวหาว่าอินทุภามีใจและทอดกายให้ชายอื่น ซึ่งเป็นขณะเดียวกับที่อินทุภาเดินเข้ามาได้ยิน ทำให้เธอเข้าใจสาเหตุ ที่ปารินทร์ทำร้ายจิตใจเธอต่างๆ นานา เธอไม่สามรถรับได้ต่อข้อกล่าวหานั้น เสียใจอย่างไร้สติ วิ่งออกไปนอกคฤหาสน์ท่ามกลางสายฝน ส่วน ปารินทร์วิ่งตามไปด้วยความเป็นห่วง เป็นเวลาเดียวกับที่ฟ้าผ่าลงมาระหว่างคนทั้งสอง ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนอินทุภาตาบอด ปารินทร์เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามให้กำลังใจเธอ และหวังว่าเธอจะมองเห็นได้อีกครั้ง หลังจากที่คุณหมอแจ้งว่ามันเป็นการบอดชั่วคราว สามารถกลับมามองเห็นได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร ช่วงเวลานี้เองที่ทำให้ทั้งคู่มีโอกาสปรับความเข้าใจกัน อินทุภาได้รู้ความรู้สึกที่แท้จริงของปารินทร์ แต่เธอไม่สามารถที่จะปักใจเชื่อได้ เพราะสิ่งที่เขาแสดงออกมันไม่บ่งบอกว่ารักเธอเลย แต่กลับตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งได้รับการยืนยันเมื่อได้รับนาฬิกาพก.. ของรักที่เธอได้ให้อภิรุจก่อนจากกัน ซึ่งเธอพยายามหามันเมื่อมาถึงคฤหาสน์นี้ เธอแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ามันอยู่กับปารินทร์ แล้วมาไกลถึงเพียงนี้ ยังได้เจอคนบ้านเดียวกัน และปารินทร์ยังเป็นคนที่ฆ่ากุศล ทำให้เธอรอดพ้นไม่ต้องแต่งงานกับโกศัลย์ เพราะ โกศัลย์มัวแต่ออกตามล่าคนที่ฆ่าพ่อ หลังจากที่ทั้งคู่เข้าใจกันดี รักอันโหยหาที่ต่างฝ่ายต่างรอคอยมานานแสนนาน ก็มีความสุขสมหวังเป็นของกันและกัน อินทุภานึกถึง ภาพเขียน ความลับระหว่างเธอและปารินทร์ ปารินทร์อึ้งเมื่อเห็นภาพนั้น มันเป็นภาพชายหนุ่มหญิงสาว ที่เหมือนเขาทั้งคู่ยังกับโขกมาจากพิมพ์เดียวกัน ซึ่งอินทุภาคิดว่าชายหญิงในภาพ คือเธอและปารินทร์ในอดีตชาติ และด้วยความรู้สึกที่เธอคุ้นเคยที่นี่ เหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง รวมทั้งความรู้สึกที่จำปารินทร์ได้ ในวันแรกที่เธอพบเขา มันยิ่งทำให้เธอแน่ใจ แต่ทว่าปารินทร์ปฏิเสธที่จะยอมรับและจะไม่ยอมรับตลอดไป ว่าคนในภาพคือเขาและเธอ รวมทั้งความรู้สึกของอินทุภา เพราะลึกๆ เขากลัวว่าจะเป็นเหมือนอดีต ที่ต้องทุกข์ทรมานเพราะสูญเสียหญิงที่รักไป หลังจากแต่งงานเพียงสามเดือน ทำให้เขาอดนึกย้อนไม่ได้ ... ที่ไปพบยายแก่คนหนึ่งเข้า หล่อนตื่นตระหนกเมื่อเห็นเขาทำท่าราวกับเห็นผี และร้องเรียกเขาว่า ..เจ้าเกาะ เมื่อเข้าไปสอบถาม จึงทำให้รู้เรื่องเศร้าของเจ้าของคฤหาสน์ และต้องอึ้งไปเมื่อ เจ้าเกาะชื่อสิงห์ ส่วนภรรยาชื่อแสงจันทร์ ..คุณหญิงแสงจันทร์ เพราะปารินทร์ แปลว่า สิงห์ อินทุภา แปลว่า แสงจันทร์ นี่เป็นเหตุที่ปารินทร์ไม่สามารถจะทำใจยอมรับได้ มันต้องแตกต่าง ประวัติศาสตร์ต้องไม่ซ้ำรอย ทางฝ่ายโกศัลย์ .. ตลอดสี่ปีนี้ไม่ได้คิดการอื่นเลย นอกจากออกตามล่าปารินทร์ จนมาถึงเกาะปาปิไลยก์ และได้มาพบกับจิตรานุช ทำให้รู้ว่าทั้งปารินทร์และอินทุภาอยู่ที่นี่ แถมมันสองคนยังแต่งงานกันด้วย ยิ่งสร้างความเคืองแค้นให้กับโกศัลย์มากขึ้นอีก ทางฝ่ายจิตรานุชเจ็บแค้นปารินทร์ หวังจะแก้แค้นสองผัวเมียเมื่อมีโอกาส พอดีมาเจอโกศัลย์เข้า จึงอาสาพามาที่คฤหาสน์ สิ่งที่ทั้งคู่ประหวั่นใจก็เกิดขึ้น .. วันนี้เป็นวันที่ปารินทร์และอินทุภาแต่งงานครบสามเดือน แต่ใจที่ไม่ยอมรับเรื่องราวในอดีต ทำให้ปารินทร์ประมาท ที่จะปกป้องไม่ให้อดีตซ้ำรอย เมื่อโกศัลย์ปรากฏตัวที่คฤหาสน์ แต่ด้วยความช่วยเหลือของผู้หมวดสันติราษฏร์และสุรวุจ ที่ติดตามโกศัลย์มาถึงที่นี่ ทำให้ไม่มีใครเสียชีวิต นอกจากโกศัลย์ วิทย์กับอินทุภาถูกยิงบาดเจ็บ ปารินทร์รอด ส่วนจิตรานุชและจิตรดิลกถูกจับเข้าคุกด้วยข้อหาหลอกลวงต้มตุ๋น เรื่องร้ายต่างๆ ผ่านพ้นไป อินทุภากลับมามองเห็นได้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนปารินทร์ที่มีคดีข้อหาฆ่าคนตาย ก็เป็นอิสระ เพราะผู้หมวดสันติราษฏร์ แทงเรื่องว่าไม่มีร่องรอยของคนร้าย ทำให้ไม่สามารถตามจับได้ ทั้งอินทุภาและ ปารินทร์ ต่างมีความสุข ท่ามกลาง ความรักและความอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งพ่อแม่ของอินทุภา พ่อแม่ของนิรชา เม่น มาลัย ละม่อม และพยานรักตัวน้อยๆ ระหว่างเขาและอินทุภาข้อมูลจาก : www.ch7.com

เคหาสน์แสงจันทร์


กำกับโดย มารุต สาโรวาทประพันธ์โดย บทประพันธ์ ไอริณ, บทโทรทัศน์ ฐา-นวดี สถิตยุทธการนำแสดงโดย
ศรราม เทพพิทักษ์
...
ปารินทร์
ไปรยา สวนดอกไม้
...
อินทุภา
นพพล พิทักษ์โล่พานิช
...
อภิรุจ
สุนันท์ษา จิรมณีกุล
...
นิรชา
ศรุต วิจิตรานนท์
...
โกศัลย์
กัลยา จิรชัยศักดิ์เดชา
...
จิตรานุช
ผู้สร้าง บริษัท มาสเคอร์ เรด จำกัด
เรื่องย่อ
นับจากวันที่ ปารินทร์ ได้ตัดสินใจออกจากบ้านไป ด้วยความโกรธ.... ปวดร้าวและทุกข์ใจ เขาไม่เคยเหลียวแลที่จะกลับมาอีกเลย หลังจากที่มารดาของตนเองได้แต่งงานกับชายคนใหม่ ทั้งๆ ที่พ่อเพิ่งตายไปไม่ถึง 3 เดือนดี จนถึงวันนี้.. เวลาได้ผ่านล่วงเลยมาแล้วสามปี ขณะนี้ภาพที่ปรากฏ.... ปารินทร์ กำลังนั่งคุกเข่าจัดแจกันดอกไม้ป่าหน้าหลุมฝังศพแม่ ซึ่งเขาเพิ่งฝังเธอเสร็จ...เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เอง ด้วยความรู้สึกที่เจ็บช้ำ ขมขื่น คละเคล้าไปด้วยความเคียดแค้น และปวดร้าวแสนสาหัส ปารินทร์เกลียดชังแม่มาตลอด โดยหารู้ไม่ว่าที่แม่แต่งงานใหม่นั้น ก็เพื่อตัวเขาเอง ปารินทร์ไม่เคยเฉียวใจเลยว่าแม่ต้องทุกข์ใจและขมขื่นเพียงใด ที่ต้องทนยอมเป็นเมียไอ้ฆาตกรเลือดเย็นที่ฆ่าพ่ออย่าง..ไอ้ถ่อย..กุศล เพื่อปกป้องชีวิตเขา จนร่างกายของแม่ผ่ายผอมทรุดโทรมลง และตรอมใจตายในที่สุด ขณะนี้.. ปารินทร์ไม่เหลือใครอีกเลยนอกจาก .. ละม่อม พี่เลี้ยงวัยกลางคน ซึ่งได้เลี้ยงดูเขาตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ ด้วยความรักและเอาใจใส่มาตลอด นายกุศล การุญวงศ์ เจ้าพ่อผู้ทรงอิทธิพลมืดแห่ง..เมืองป่าไทร ชั่งมีอุปนิสัยไม่สมกับชื่อเลย .. แม้แต่เพียงน้อยนิด เป็นคนจิตใจโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ไร้ศีลธรรม มักมากในกาม ทำได้แม้กระทั่งฆ่าผัวคนอื่นเพื่อครอบครองเมียเขา ดังเช่น ครอบครัวปัณณวัฒน์ ที่ประสบชะตากรรมนี้ และยังมีผู้คนอีกมากมาย ที่ได้รับความเดือดร้อนจากครอบครัวการุญวงศ์ เพราะไม่ได้มีเพียงแต่นายกุศลเท่านั้น แต่ยังมี.. โกศัลย์ ลูกชายนายกุศล ซึ่งมีนิสัยใจคอแทบจะถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อมาไม่ผิดเพี้ยนเลย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง ถ้าได้หมายปองหญิงใดแล้ว ต้องได้ ไม่ว่าจะได้หญิงนั้น มาด้วยวิธีใดก็ตาม ซึ่งชาวเมืองต่างก็รู้จักดีถึงความชั่วช้า เลวทราม ทำให้กลัวเกรงอำนาจอิทธิพลของสองพ่อลูกนี้ ด้วยเหตุนี้ปารินทร์ถึงได้ตระหนักดีว่า ทำไมแม่ของเขาถึงได้สั่งเสีย ให้เขาหนีออกจากเมืองนี้ทันที..ที่แม่ตาย ให้ไกลได้เท่าไรยิ่งดี พร้อมกับเงินที่แม่ของเขาได้เตรียมไว้ให้มากพอ ซึ่งได้มาจากการขายไร่ทั้งหมด เพราะแม่ไม่ต้องการให้สมบัติของพ่อ ที่ก่อร่างสร้างขึ้นมาด้วยความลำบาก ต้องตกไปอยู่ในมือของกุศล และยังกำชับเขาไม่ให้ทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเป็นเด็ดขาด แต่ทว่าปารินทร์ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ได้ ด้วยใจที่เต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและขมขื่นที่สุมอยุ่ในอก เขาเลือกที่จะกลับไปที่บ้าน..เพื่อหมายจะปลิดชีวิตของกุศล ภาพที่เขาเห็นอยู่นั้น.. ในห้องนอน..ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของพ่อแม่เขา ไอ้ถ่อย ..กุศล กำลังบดขยี้เด็กสาวซึ่งอายุเพียงสิบสี่ปี มาลัย .. หลานสาวของละม่อม การมาของปารินทร์ได้ช่วยมาลัยรอดพ้นจากเงื้อมมือของกุศลไว้ได้ และเขาก็ทำสำเร็จ.. ด้วยการดวลดาบกับนายกุศล และใช้ดาบแทงเข้าที่อกกุศลจนตาย ก่อนที่จะหนีออกจากเมืองนี้ ไป โดยในใจเขาคิดว่า ขณะนี้เขาได้เป็นฆาตกรฆ่าคนแล้ว โดยหารู้ไม่ว่าละม่อมได้ทำลายหลักฐานทุกอย่างที่จะผูกมัดคุณหนูของเธอได้ สถานีรถไฟ..ที่ ที่นี่เองที่ปารินทร์เริ่มต้นการเดินทางอันไร้จุดหมายปลายทางของเขา และทำให้เขาได้พบกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง อภิรุจ และ นิรชา ... ที่ได้รับความเดือดร้อนจากครอบครัวการุญวงศ์ เฉกเช่นเดียวกับเขา และต้องการหนีออกจากเมืองนี้ไปให้ไกลแสนไกล ไปยังที่ไม่มีใครรู้จัก เพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของโกศัลย์ ซึ่งขณะนี้ทั้งคู่กำลังเดือดร้อน เพราะตั๋วรถไฟหาย .... นิรชาไม่รู้ว่ามันได้หายไปตอนไหน ส่วนอภิรุจ ..ถูกล้วงกระเป๋าเงิน ...ทั้งคู่ไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว มีเพียงแต่แหวนเพชร และนาฬิกาทองคำของน้องสาว อินทุภา..ที่ให้ติดตัวไว้ ....ปารินทร์ได้ช่วยสองคนนี้ ออกจากเมืองได้สำเร็จ ด้วยเงินถึงสองปึกใหญ่ อภิรุจซาบซึ้งในน้ำใจของปารินทร์อย่างมาก เพราะเขาทั้งสองต่างไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ทำไมปารินทร์กลับช่วยเหลือเขา..ด้วยเงินมากมายถึงเพียงนี้ เขาจึงตอบแทนปารินทร์ด้วย..แหวนเพชรน้ำงาม แต่ปารินทร์ปฏิเสธที่จะรับ เพราะในใจเขา...ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใดใด จากการช่วยเหลือเขาทั้งสอง นอกจากเหตุผลเดียว..เพราะเราต่างก็..มีศัตรูคนเดียวกัน แม้แต่..ชื่อของเขา.. ปารินทร์ก็เห็นว่าไม่จำเป็นที่จะต้องบอกเขาสองคน แต่ด้วยทนการวิงวอนของอภิรุจไม่ได้ .. ปารินทร์ ปัณณวัฒน์ อภิรุจจะรำลึกชื่อนี้ตลอดไป ก่อนที่จะแยกจากกัน อภิรุจยัดนาฬิกาทองคำใส่ไว้ในมือของ ปารินทร์ เพราะเกรงว่าปารินทร์จะปฏิเสธอีก พร้อมกับเอ่ยปากเชื้อเชิญปารินทร์ หากในวันข้างหน้าถ้ามีโอกาส..แวะพักกับเขาได้ ที่.. เกาะปาปิไลยก์ สถานที่ที่เขากับนิรชาจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากที่ปารินทร์แยกจากทั้งสองคนแล้ว เขาก้มดูนาฬิกาที่อภิรุจยัดใส่มือ มันเป็นนาฬิกาพก ทำจากทองคำ สลักเสลางดงาม เขากดสลักเล็กๆ เบาๆ ฝาบอบบางก็ดีดขึ้นพร้อมกับเสียงเพลงหวานไพเราะ ปารินทร์ยืนตะลึงกับภาพถ่ายเล็กๆ นั่น ในความรู้สึกของเขา..ไม่เคยเห็นเด็กสาวที่สวยและน่าประทับใจเท่านี้มาก่อนเลย ดั่งต้องมนต์สะกด นิรชา ภัทรศัย .. สาวน้อยงดงามที่ยากจะหาใครเปรียบ ...คู่หมั้นสาวของ อภิรุจ ซึ่งพ่อแม่หมั้นหมายทั้งคู่ไว้ให้กันตั้งแต่เด็ก โชคดีที่ทั้งสองต่างมีจิตใจผูกพันรักใคร่กันและกัน จึงไม่มีปัญหาว่าจะเป็นการจับคลุมถุงชน เพียงรอเวลาที่เหมาะสมที่จะแต่งงานกัน ซึ่งเวลานั้นก็มาถึง เมื่อหกเดือนก่อนหลังจากที่นิรชาเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ทว่าทั้งสองกลับไม่ได้แต่งงานกัน เพราะว่าขณะนี้ นิรชาได้กลายเป็นคู่หมั้นของนายโกศัลย์ไปแล้ว เพราะโกศัลย์ใช้วิธีชั่วช้าขู่กรรโชก จะเล่นงานพ่อแม่ของเธอถึงแก่ชีวิต ทำให้เธอต้องยอม และซ้อมพ่อของเธอจนแทบช้ำในตาย ทำให้เธอจำต้องคืนหมั้นกับอภิรุจ.. อย่างเจ็บปวดใจ และต้องทำตามที่นายโกศัลย์ต้องการ คือแต่งงานกับมันภายในสามวัน ข้อมูลจาก : www.ch7.com

นางสาวเย็นฤดี


เนื้อเรื่องย่อ
ที่ลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร เย็น อาศัยอยู่กับ ตายืน ยายช่วง ตายายที่สุดแสนจะรักเย็น เนื่องด้วยจากแม่ของเย็น คือเยื้อน เกิดตกล่องปล่องชิ้นกับพ่อคือ ชัยณรงค์ ลูกชายของคุณโชติบดินทร์ นรินทร์สงคราม โดยที่พ่อแม่ของชัยณรงค์ไม่ยอมรับ เยื้อนจึงพาสามีและลูกมาอยู่กับพ่อแม่ แต่ไม่นานทั้งเยื้อนกับชัยณรงค์ก็เกิดอุบัติเหตุควายขวิดตาย สร้างความเสียใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก ตายืนโกรธมากปฏิญาณว่าชาตินี้จะเป็นศัตรูกับคุณโชติบดินทร์ไปตลอดชีวิต
นักแสดง
ศิรพันธ์ วัฒนจินดา รับบทเป็น เย็น สาวน้อยร่าเริง ซึมซับสิ่งดีงามมาจากการอบรมของตาและยาย ที่เลี้ยงดูมาอย่างดี ปกติจะดูเหมือนใส ๆ ไร้เล่ห์เหลี่ยม จนเหมือนเด๋อด๋าบางครั้ง แต่จริง ๆ ทั้งเจ้าเล่ห์และสู้ตายเมื่อถึงคราวจำเป็น ขี้สงสาร ใจอ่อน โดยเฉพาะกับคนแก่ ใครดีมาดีตอบ ใครร้ายมาร้ายตอบสุดขั้ว มุ่งมั่นตามหาปู่เพื่อจะได้รู้จักพ่อของตัวเองว่าเป็นใคร เพราะตากับยายปิดปังไว้ เพราะเกลียดปู่มาก
พศุตม์ บานแย้ม รับบทเป็น ชัช นิสัยใกล้เคียงกับเย็น จึงทำให้กลายเป็นไม่ถูกกัน ติดใจเย็น ถึงแม้จะเจอทำแสบ แต่แสดงออก ปกติจะพูดจาเป็นหลักเป็นฐานออกแนวขรึม แต่พอเจอเย็นมักเผลอหลุดปล่อยอารมณ์กวนโอ๊ย โต้ตอบเสมอเพราะเย็นกวนโอ๊ย ชอบก่อเหตุให้เจอเรื่องร้าย ๆ
สันติสุข พรหมศิริ รับบทเป็น ปู่โชติ ชายชราเจ้ายศเจ้าอย่าง แบ่งชั้นวรรณะ กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ถูกต้องก็สายเสียแล้ว พยายามตามหาหลานปู่ของตัวเอง ทั้งที่ได้ข่าวว่าตายก็ไม่ยอมเชื่อ ใจแข็งไม่ยอมรับมรดกให้หลานลุงลูกของน้องสาว เพราะมั่นใจว่าสักวันจะได้พบหลานสาว ซึ่งไม่รู้แม้แต่ชื่อ จำได้ว่าตอนจากกันเป็นเด็กหญิงเท่านั้น แต่ก็ไม่ลดละที่จะตามหา เป็นคนแก่หัวดื้อ ดูเหมือนดุร้ายแต่ใจอ่อน ยกเว้นกับเรื่องมรดกของหลานสาวที่ไม่ยอมใจอ่อนให้ใครเด็ดขาด ทำตัวเข้มงวด แต่กลับดูเป็นขำไม่รู้ตัวข้อมูลจาก : www.thaitv3.com

ศิลามณี


ละครหลังข่าว วันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ 20.25 น. บทประพันธ์ : วราภา บทโทรทัศน์ : วิรัลพัชร กำกับการแสดง : ธงชัย ประสงค์สันติ เรื่องย่อเจ้าหญิงแสงฝาง หรือ งาม เจ้าหญิงวัยรุ่นแสนสวยจากเมืองเชียงรัฐ เธอมีอายุสิบสี่ปี มาขอพบคุณหญิงอทิติ บูรณโยธิน คุณหญิงผู้ยังสาวและสวยมาก เป็นภรรยาของพลเอกจอมณรงค์ เมื่อคุณหญิงอทิติได้พบกับเจ้าหญิงแสงฝางก็ถึงกับอึ้งไป ไม่ใช่เพราะเป็นเจ้าหญิง แต่เพราะเป็นลูกสาวคนเดียวของเธอ อทิติสมรสครั้งแรกกับเจ้าฟ้าแสนหลวง เจ้าผู้ครองเชียงรัฐ รัฐอิสระทางภาคเหนือของประเทศไทย เจ้าอายุมากกว่าอทิติถึงสองรอบ ความแตกต่างของอายุและความเงียบเชียบของเชียงรัฐซึ่งอยู่ท่ามกลางขุนเขาและป่าไม้ทำให้อทิติทนไม่ได้ สองปีหลังจากให้กำเนิดลูกสาวคือเจ้าหญิงแสงฝาง อทิติทิ้งทุกอย่างที่เชียงรัฐกลับเป็นตัวของตัวเอง และต่อมาก็ได้สมรสกับพลเอกจอมณรงค์ เจ้าหญิงแสงฝางน้อยใจที่แม่ทอดทิ้ง จึงไม่ยอมติดต่อคุณหญิงอทิติเลย เจ้าหญิงแสงฝาง มากับหอมนวล พี่เลี้ยงวัยกลางคน เจ้าแสงฝางไม่แสดงอาการที่บ่งบอกถึงความรักที่ลูกมีต่อแม่แต่อย่างใดเลย เธอบอกคุณหญิงอทิติว่าเจ้าฟ้าแสนหลวงป่วยและเธอจะไปเยี่ยม ขอให้คุณหญิงอทิติไปด้วย แต่คุณหญิงปฏิเสธ โดยอ้างสถานะ ที่ขณะนี้มีสามีใหม่แล้ว และไม่เห็นด้วยที่เจ้าแสงฝางจะขาดเรียน แต่เจ้าแสงฝางยืนยันจะไป การพูดถึงเจ้าพ่อด้วยความรักและผูกพันอย่างลึกซึ้งแต่พูดกับผู้เป็นแม่อย่างห่างเหินราวพูดกับคนรู้จักผิวเผินทำให้คุณหญิงอทิติไม่ชอบใจ ศศิ ลูกสาวของพลเอกจอมณรงค์ ลูกเลี้ยงของคุณหญิงอทิติ วัยไล่เลี่ยกับเจ้าแสงฝาง สนใจเจ้าแสงฝางมากเมื่อรู้ว่าเป็นเจ้าหญิงจากเมืองเหนือ แต่เธอไม่รู้ว่าเจ้าแสงฝางเป็นลูกสาวของคุณหญิงอทิติ เจ้าแสงฝางเดินทางไปเชียงรัฐคนเดียว เจ้าสายบดี มารับเจ้าแสงฝางที่สนามบินเชียงใหม่ เจ้าสายบดีเป็นลูกชายของเจ้าบัวละวง น้องสาวคนเดียวของเจ้าฟ้าแสนหลวง บิดาของเขาคือเจ้าวงตะวัน เจ้าแสงฝางถามอาการของเจ้าพ่อทันที เขาบอกว่าอาการเจ้าฟ้าแสนหลวงไม่สู้ดี ท่านอยากพบลูกสาวคนเดียวซึ่งเป็นสุดดวงใจของท่าน เพราะมีเรื่องสำคัญมากจะพูดกับเธอ ท่านจึงยังประคองลมหายใจมาได้จนวันนี้ เจ้าแสงฝางน้ำตาพรูเมื่อเห็นสภาพร่างกายที่ผ่ายผอมของเจ้าพ่อ เจ้าฟ้าแสนหลวงขอให้เจ้าแสงฝางรับช่วงปกครองเชียงรัฐต่อจากท่าน ขอให้เธอมีความอดทน และอย่าอับอายว่าเชียงรัฐเป็นเพียงเมืองเล็กๆ เป็นเพียงจุดๆเดียวที่มองไม่เห็นในแผนที่ประเทศไทย เพราะมันคืออาณาจักรบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้าแสงฝาง เจ้าแสงฝางให้สัญญา และเจ้าฟ้าแสนหลวงได้พูดเรื่องสำคัญกับเธอ ขอให้เธอสัญญาว่าจะไม่โกรธและเกลียดท่าน ท่านบอกว่าได้ให้ศิลามณีแก่เพื่อนรักที่สุดของท่านคือ เจ้าคุณพระยาเพชรายุทธ เจ้าคุณเป็นคนดีพร้อมทั้งจิตใจและชาติตระกูล ท่านจึงให้ศิลามณีไป ล่าสุดที่ติดต่อกันก่อนพระยาเพชรายุทธถึงแก่อสัญกรรม ฝ่ายนั้นยังคงเก็บรักษาศิลามณีไว้อย่างดี เจ้าแสงฝางรู้ธรรมเนียมของเผ่าพงศ์ดีว่าการให้ศิลามณีซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของเชียงรัฐและเป็นสิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในการย่างเข้าสู่ความเป็นหญิงสาวของเธอแก่อีกฝ่ายนั้นหมายความว่าอย่างไร เจ้าบัวละวงสะดุ้งใจเมื่อเจ้าแสงฝางถามว่าจะเอาศิลามณีคืนมาได้อย่างไร เจ้าแสงฝางบอกว่าเธอเป็นเลือดเนื้อของเชียงรัฐ เธอไม่เคยอับอายในประเพณีโบราณของเชียงรัฐเลย และพร้อมจะปฏิบัติเหมือนหญิงสาวเชียงรัฐทั่วไป แต่เธออยากเป็นผู้มอบศิลามณีให้แก่ชายที่เธอพอใจ ไม่ใช่ใครก็ไม่รู้ที่เขาอาจกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่ก็ได้ เจ้าบัวละวงบอกว่าเมื่อเจ้าคุณเพชรายุทธสิ้น ศิลามณีคงตกอยู่ที่ คุณหญิงเสมอใจ ผู้เป็นภรรยา เจ้าแสงฝางบอกว่าเมื่อเรียนจบจะกลับมาอยู่เชียงรัฐ เป็นสมบัติของเชียงรัฐ เป็นกำลังใจให้พลเมืองที่นี่ไปจนเธอแก่เฒ่า เธอจึงอยากได้ศิลามณีคืน เจ้าสายบดีวิ่งหน้าตาตื่นมาตามเจ้าแสงฝางว่าเจ้าฟ้าแสนหลวงสิ้นใจแล้ว เจ้าแสงฝางเสียใจมาก เธอสาบานว่าจะต้องเอาศิลามณีกลับคืนมาเป็นสมบัติของเชียงรัฐให้ได้ โดยเธอจะกลับกรุงเทพไปเรียนต่อให้จบ และเธอจะอยู่อย่างสามัญชน จากนี้ไปจะไม่มีเจ้าหญิงแสงฝาง จะมีแต่ผู้หญิงที่ชื่อ งาม แสนหลวง เท่านั้น ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ งามเรียนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเดียวกับศศิ ด้วยความขรึม เฉยเมย และไว้ตัวของงาม ทำให้หนุ่มๆ ประจำสามแยกปากหมาว่าเธอหยิ่ง ไม่มีใครรู้ชาติตระกูลของเธอ งามมีชาลี หนุ่มผมยาวแต่งตัวมอมตามแบบฉบับชาวศิลปากรรับส่งเป็นประจำ ภรต ราชเสนา หรือ ต้อม ลูกชายแท้ๆ ของคุณหญิงเสมอใจ ช่วยพี่ชายบุญธรรม นายแพทย์พิภพ ภักดีพงศ์ หรือ ต้น พูดกับคุณหญิงเสมอใจขอยืมเงินและขอที่ดินทำคลินิก หลังจาก นพ.พิภพย้ายจากต่างจังหวัดเข้ามาอยู่กรุงเทพ และยังพูดเลยไปเรื่องหญิงสาวที่ นพ.พิภพรักและมีแผนจะแต่งงานกัน คุณหญิงเสมอใจไม่พอใจนักที่ นพ.พิภพจะลงเอยกับ เภสัชกรหญิงอิสรี สุรคุปต์ เพราะท่านยังไม่เคยเห็นหน้า และเมื่อซักประวัติคร่าวๆ เธอเป็นแค่หญิงสาวในครอบครัวข้าราชการบำนาญที่ไม่ร่ำรวยอะไร ท่านจึงไม่ค่อยเห็นด้วยและยังห่วงเรื่องหน้าตาของตระกูล ภรตอยากช่วยพี่ชายให้ถึงที่สุดจึงตามไปห้องนอนของแม่เพื่อช่วยพูดเชียร์ให้แม่เห็นด้วยกับความรักของพี่ คุณหญิงเสมอใจกำลังขนเครื่องเพชรเครื่องทองออกมาดู ในจำนวนนั้นมีสร้อยมรกตเม็ดโตล้อมเพชรที่ใครๆ เห็นก็ต้องรู้ว่างามมากและค่ามหาศาล ภรตยิ่งประหลาดใจเมื่อแม่บอกว่ามีคนให้มา คุณหญิงเครียดเมื่อนึกถึงที่มาของสร้อยมรกต คุณหญิงเล่าให้ภรตฟังว่า นี่คือของหมั้นตามธรรมเนียมของเชียงรัฐฝ่ายหญิงจะหมั้นชาย และเขาก็ได้หมั้นภรต ถึงฝ่ายโน้นจะเป็นเจ้า แต่ก็เป็นเจ้าแห่งเมืองเล็กๆ ซึ่งท่านเห็นว่าต่ำต้อยและรังเกียจมาก แต่เมื่อเจ้าคุณผู้เป็นสามีสั่งไว้ก่อนสิ้นใจให้ท่านดำเนินการต่อ มิฉะนั้นต้องคืนสร้อยมรกตเส้นนี้ไป ภรตไปหาชาลี น้องชายแท้ๆ ของเขา ที่เรือนพักหลังเล็กซึ่งชาลีมักใช้เป็นห้องสร้างสรรค์งานศิลป์ของเขา ภรตถือวิสาสะเปิดดูภาพเขียนซึ่งชาลีคลุมผ้าไว้ ชาลีหวงภาพนี้มาก ภาพนั้นคือภาพพอเทรตครึ่งตัวหญิงสาวสวยอ่อนหวานมาก โพกศีรษะแบบสาวชาวบ้านลานนา โดยมีงามเป็นนางแบบให้กับชาลี ในวันรุ่งขึ้น งามมาเป็นแบบให้ชาลีวาดภาพต่อจนเสร็จชาลีแนะนำงามให้รู้จักภรตว่าเป็นพี่ชายของเขา ภรตทักทายสั้นๆ กับงามแล้วไป เหมือนเย่อหยิ่งไม่สนใจเธอเลย งามเกิดอาการคอแข็งขึ้นมาทันที เธอแปลกใจที่คบกับชาลีมานานแต่ไม่รู้เลยว่าชาลีนามสกุลราชเสนา แต่ที่เธอใจเต้นที่สุดคือการได้รู้จักภรต ราชเสนา เขาคนนี้เองคือผู้ครอบครองศิลามณีของเธอ เมื่องามกลับถึงโรงงานผ้าไหมของเธอ งามเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนักศึกษาสาวสะอาดใสเป็นชุดสาวเหนือ แต่งหน้าเป็นสาวจัด ป้าหอมนวลบ่นเป็นห่วงงามที่ทำตัวเป็นนักศึกษายากจนไม่มีหัวนอนปลายเท้าโหนรถเมล์กลับบ้านทุกวันให้คนดูถูก หากต้องการดูใจผู้คน ตอนนี้ก็ได้เห็นใจชาลีแล้วว่าเป็นคนดีมากทำไมไม่ให้ชาลีรับส่ง งามไม่ต้องการให้ชาลีรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน พันโทอติศักดิ์ หนึ่งในชายหนุ่มที่มาติดพันแม่เลี้ยงสาวเจ้าของโรงงานผ้าไหม พาเพื่อนมาซื้อเสื้อผ้าไหม เขาคือภรต ราชเสนา ภรตรู้สึกแม่เลี้ยงเหมือนใครที่เขาเคยเห็น แต่ก็นึกไม่ออก คุณหญิงอทิติไม่เคยได้ข่าวลูกสาวอีกเลยนับตั้งแต่งามเดินทางไปเยี่ยมเจ้าพ่อ การเติบโตเป็นสาวของศศิทำให้คุณหญิงคิดถึงลูกงามของเธอมาก ด้วยว่าทั้งสองสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน คุณหญิงมีลูกชายกับพลเอกจอมณรงค์คนหนึ่ง ขณะนี้เพิ่งอายุสามขวบ งานฉลองแซยิดของคุณหญิงเสมอใจเป็นงานใหญ่ แขกเหรื่อมากมาย ภรตให้ชาลีชวนงามมาร่วมงานด้วย เมื่อได้พบคุณหญิงเสมอใจ งามเห็นว่าท่านไม่ได้สวมศิลามณี งามกังวลว่าศิลามณีอยู่ที่ไหน และงามต้องใจหายเมื่อเห็นพลเอกจอมณรงค์ เธอเกรงจะพบแม่อทิติของเธอ แต่โล่งใจเมื่อรู้ว่านายพลมากับศศิ คุณหญิงเสมอใจเอาใจศศิมากจนออกนอกหน้า หลังอาหารงามและชาลีแยกตัวจากกลุ่มผู้คนไปนั่งเล่นใกล้เรือนเล็กของชาลี ถ้อยคำที่ชาลีแสดงความจงรักเทิดทูนงามอย่างยิ่งทำให้งามทั้งสงสารและสมเพชชาลี เธอพูดเป็นนัยว่าชาลีอาจคิดว่าเธอดี แต่เธออาจใช้ชาลีเป็นบันไดไปสู่อะไรบางอย่าง ซึ่งหากวันหนึ่งชาลีรู้ความจริง ชาลีจะเสียใจและเกลียดเธออย่างที่สุดก็ได้ ชาลีว่าถึงเขาจะต้องเสียใจเพราะงามแต่ความเสียใจนั้นจะไม่มีวันทำลายความรู้สึกที่เขายกย่องงามได้เลย ภรตพาศศิมาที่เรือนของชาลีเพราะศศิอยากดูภาพเขียน ชาลีพาศศิเข้าไปดูภาพเขียนในบ้าน ภรตจึงอยู่กับงามสองต่อสอง งามรู้สึกว่าบรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันใด ภรตจงใจพูดยั่วประสาทงาม เธอต่อปากต่อคำเขาไม่ลดละ ภรตนึกถึงแม่เลี้ยงสาวที่โรงงานผ้าไหม บอกงามว่าหน้างามเหมือนแม่เลี้ยงสาวคนนั้น แต่ประชดประชันว่าแม่เลี้ยงสาวยิ้มหวานช่างพูดช่างเอาใจ แต่งามตรงข้ามทั้งหมด งามว่าเธอไม่มีทางเป็นแม่เลี้ยงคนนั้น เธอพูดประชดประชันเรื่องชาติกำเนิดที่เป็นคนต่างเมือง แต่เธอก็ทึ่งที่ภรตไม่ได้แบ่งชั้นวรรณะเลย เขาว่าถึงเป็นชาวเหนือแต่ก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ภรตถามงามถึงเชียงรัฐ งามบอกว่ารู้จักดีที่สุดเพราะเธอเกิดและโตที่นั่น ภรตตื่นเต้นมาก เขาถามงามถึงเจ้าหญิงแสงฝางว่าเป็นอย่างไร งามว่าเธอเป็นคนวงนอก ไม่ค่อยรู้อะไรนัก เท่าที่รู้เจ้านางเป็นคนสวย มักอยู่แต่ในวัง ไม่ค่อยออกไปไหน เจ้านางเกลียดความชุลมุนวุ่นวายของโลกภายนอก ภรตแกล้งถามถึงประเพณีที่ผู้หญิงขอผู้ชายแต่งงาน ทำให้งามชักสงสัยว่าเหตุใดภรตจึงพูดถึงประเพณีของเชียงรัฐและเจ้านางหรือว่าภรตจะรู้เรื่องของศิลามณีแล้ว ศศิบังเอิญเจอกับชาลีเมื่อรถเธอเสีย ชาลีเข้ามาช่วยและพาศศิไปส่งที่มหาวิทยาลัย เธอรู้สึกถูกใจกับชาลีเป็นอย่างมาก แต่ชาลีกับนิ่งเรียบมีใจให้งามเพียงคนเดียว งามกลับจากมหาวิทยาลัย ป้าหอมนวลบอกว่าภรตมาหาและจะกลับมาใหม่ตอนค่ำ ทุกครั้งที่ได้ยินชื่อภรตงามใจเต้นระรัวด้วยสาเหตุที่ตอบตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยินดีว่าเมื่อภรตตามเธอนั่นหมายถึงชัยชนะกำลังเดินมาหาเธอ หากภรตหลงรูปโฉมของเธอ เธอก็จะใช้ความงามปอกลอกเอาศิลามณีกลับคืนมา งามในสภาพแม่เลี้ยงสาวดูงามยิ่งนักในสายตาภรต ภรตเอ่ยปากชวนแม่เลี้ยงไปทานอาหาร แม่เลี้ยงตกปากรับคำทันที เมื่อภรตกลับถึงบ้าน ชาลีบอกภรตว่าเขาตกลงใจเช่าร้านที่ภรตติดต่อให้ เปิดแสดงภาพเขียน และจะเอาภาพสาวชาวป่าที่งามเป็นแบบไปโชว์ด้วย แต่จะไม่ขาย คุณหญิงเสมอใจถามเรื่องที่ค้างคาใจตั้งแต่งานเลี้ยงแซยิดว่างามเป็นใคร รู้สึกผิวเหลืองเหมือนสาวเหนือ ชาลีเงียบ เขาคบหากับงามมานานแต่ไม่เคยรู้เลยว่างามเป็นใครมาจากไหน ภรตเลยตอบแทนว่าเป็นสาวเหนือ เป็นชาวเชียงรัฐ คุณหญิงเสมอใจได้ยินก็นึกถึงเรื่องศิลามณี ท่านรังเกียจและดูถูกงามทันที และสั่งชาลีให้ระวังการคบหากับงาม ตอกย้ำว่าผู้หญิงเชียงรัฐรักผู้ชายคนไหนจะสู่ขอเลยทันที อีกหน่อยงามคงสู่ขอชาลีเหมือนที่ภรตโดนเจ้าหญิงเชียงรัฐสู่ขอมาแล้วตั้งแต่เด็ก แต่ชาลีไม่สนใจ ภรตวางแผน เขาบอกแม่ว่าเขาจะดึงชาลีออกมาจากงามให้ได้ ภรตทะเลาะกับชาลี ดูถูกว่างามไม่มีหัวนอนปลายเท้าจะปอกลอกชาลี ชาลีปกป้องงามจากคำกล่าวหาของภรต ภรตท้าพนันให้คอยดูว่างามจะโอนเอนมาหาเขาทั้งๆ ที่ชาลีสนิทสนมกับงามก่อนเขาและมากกว่าเขา ภรตมาพบแม่เลี้ยง เขาคุยกับเธอเรื่องความหัวอ่อนและอารมณ์อ่อนไหวของชาลีที่ทำให้ลุ่มหลงผู้หญิงซึ่งแม่ไม่ชอบ และยังว่าผู้หญิงคนนั้นซึ่งคืองามให้งามฟังอีกด้วย เขาว่าเมื่อเห็นแม่เลี้ยงครั้งแรกเขาคิดว่าเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้น แต่แม่เลี้ยงต่างจากผู้หญิงคนนั้นมาก ภรตว่าแม่มองผู้หญิงไว้ให้ชาลีแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ภรตชวนไปข้างนอก ตลอดทางแม่เลี้ยงยิ้มหวานคุยสนุกกับเขาแต่ใจบอกตัวเองว่าเกลียดนายภรตคนนี้นัก เขาดูถูกงาม แสนหลวง ไม่รู้เลยว่าจุดไต้ตำตอเข้าเต็มๆ ภรตพาแม่เลี้ยงไปดูแกลเลอรี่ของชาลี เธอแทบทำหน้าไม่ถูก เกรงชาลีจับได้ เธอเห็นภาพงามที่ชาลีวาดแขวนอยู่ในที่ที่เด่นที่สุด เมื่อชาลีมาต้อนรับ และบอกว่าเขาไม่ขายภาพสาวชาวป่าที่เขาตั้งชื่อว่างาม เขาพูดถึงผู้เป็นนางแบบอย่างยกย่องภาคภูมิใจยิ่งนัก งามรู้ว่าเขาจริงใจเสมอต้นเสมอปลาย ความจริงใจของชาลีเกือบจะละลายทิฐิของงามต่อตระกูลราชเสนาลงได้ ชาลีตกใจเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวที่ภรตแนะนำว่าเป็นแม่เลี้ยงเจ้าของโรงงานผ้าไหม แต่เมื่อแม่เลี้ยงไม่ได้แสดงทีท่าว่าจะเป็นงาม ชาลีจึงนิ่งไป แต่ด้วยสายตาของผู้เป็นจิตกร เขาคิดว่ารูปร่างหน้าตาเช่นนี้ไม่น่าจะมีซ้ำเป็นคนที่สอง แม่เลี้ยงยืนยันอยากได้ภาพเขียนที่ชื่องาม ชาลียืนยันไม่ขาย ภรตเริ่มเดินแผนแยกชาลีจากงาม เขาไปหางามที่มหาวิทยาลัย ขอคุยกับเธอ เรื่องชาลี ว่าทั้งแม่และเขาเห็นว่าชาลีควรได้แต่งงานกับหญิงที่มีสกุลรุนชาติและดีพร้อมหมด และเธอคนนั้นคือศศิ ภรตขอให้งามตีตัวออกห่างจากชาลีโดยคบชายอื่นแทน และเพื่อให้ชาลีแน่ใจว่างามทิ้งชาลีจริง ภรตเสนอตัวเองเป็นคนรักชั่วคราวของงาม งามถูกต้อนและถูกดูแคลนจนทั้งเจ็บทั้งแค้น แต่ที่เธอเจ็บปวดนักคือการที่เธอต้องทำร้ายชาลีเพื่อนแท้คนเดียวที่จริงใจต่อเธอที่สุด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเป็นคนเริ่มทุกอย่างเอง เริ่มด้วยความแค้นด้วยปณิธานแรงกล้าที่จะเอาศิลามณีคืน งามรับปากภรตจะตัดขาดชาลี แม่เลี้ยงงามดีใจมากเมื่อภรตนำภาพเขียนชื่องามของชาลีไปให้ ภรตไม่รับเงินค่าภาพเขียน บอกว่าเป็นของขวัญจากเขา แม่เลี้ยงจึงสวนกลับว่าเป็นของขวัญเพื่อการจากกัน ภรตเครียดขรึมทันที งามรู้สึกว่าการปลอมตัวของเธอไม่ทำให้เธอเข้าถึงศิลามณี แต่กลับจะทำให้เธอกับภรตผูกพันกันยิ่งขึ้น เธอต้องตัดเขาแล้ว เธอบอกภรตว่าเจ้าสายบดีจะมาหาเธอวันนี้ ภรตสรุปว่าเจ้าสายบดีคือเจ้าของเธอ เขาลากลับทันที ในงานแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬา-ธรรมศาสตร์ ภรตยังเจ็บแค้นแม่เลี้ยง เลยพาลไปถึงงามด้วย เขาเตือนชาลีให้เตรียมรับความโลเลใจง่ายชอบหลอกล่อชายให้ติดบ่วงของผู้หญิง ชาลีไม่สนใจ ภรตเข้ามาดูแข่งบอลด้วย เมื่อเจอกับงาม ภรตดึงงามไปต่อหน้าต่อตาชาลีและศศิ บอกชัดเจนว่างามกับเขานัดกันไว้ งามไม่ขัดขืน เธอต้องรักษาสัจจะ ชาลีแทบหัวใจสลาย เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดงามเปลี่ยนทีท่ากะทันหันมาก เขาไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นหญิงใจโลเลดังที่พี่ชายพยายามพูดชี้นำ งามขึ้นรถไปกับภรต เธอเสียใจมากที่ทำร้ายความรู้สึกของชาลี ภรตพูดแกมบังคับเธอว่า จากนี้ไปงามจะไปไหนโดยไม่มีเขาไม่ได้จนกว่าชาลีจะแต่งงานกับศศิ หากงามจะพิสูจน์ตัวเองตามที่งามเคยบอกว่าคบกับชาลีด้วยความบริสุทธิ์ใจ งามต้องรอจนกว่าชาลีลงเอยกับศศิแล้วเขาจึงจะปล่อยมือจากเธอ ชาลีกับภรตทะเลาะกันเรื่องงามอย่างหนัก จากวันนั้นชาลีเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างสิ้นเชิง ชาลีไปหาศศิ ทำเป็นร่าเริงจี๋จ๋ากับเธอกลบใจที่เจ็บจนชาของตัวเอง ศศิมีความสุขยิ่งนัก คุณหญิงเสมอใจยังประณามงามในฐานะสาวเหนือให้ภรตได้ยิน ภรตแก้ต่างแทนงาม เขาคิดว่าตัวเองทำกับเธอเกินไป ที่ผ่านมาเขามองงามผิดๆ เพราะเขายังไม่เคยรู้ความจริงด้วยตัวเขาเอง คุณหญิงเสมอใจรื้อฟื้นที่ท่านเคยลั่นวาจาว่าหากชาลีและภรตแต่งงานกับผู้หญิงที่ท่านไม่ชอบจะไม่ได้มรดกจากท่านเลย ภรตออกจากห้องมารดามาเจอกับชาลี ชาลีได้ยินทุกอย่างที่แม่พูด คำพูดของคุณหญิงเสมอใจครั้งนี้ทำให้พี่น้องกลับคืนกลมเกลียวกันได้ เพราะต่างเข้าใจและเห็นใจงามด้วยกันทั้งคู่ ภรตเสียใจที่มองงามผิดๆ และทำไม่ดีกับงามไว้มาก เขาอยากชดใช้ ภรตตั้งใจจะเอาศิลามณีไปคืนที่เชียงรัฐแล้วกลับมาของามแต่งงาน จนวันแต่งงานของชาลีกับศศิ ศศิพางามไปแนะนำกับคุณหญิงอทิติ เธอจำงามได้ งามไม่ยอมเรียกแม่ว่าแม่ เรียกว่าคุณหญิงทุกคำ ถึงเวลารดน้ำสังข์ งามยืนเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยใจเด็ดเดี่ยว เธอสงสารชาลีจนแทบจะร้องไห้ เมื่อเสร็จพิธีรดน้ำสังข์งามเป็นเหน็บเดินไม่ไหว ภรตโอบประคองเธอไปนั่ง เขาเป็นชายคนแรกที่ได้กอดเธอแนบชิด งามรู้สึกว่าสัมผัสนั้นนุ่มนวลจริงใจยิ่งนัก ภรตรู้สึกว่าเขาทำผิดกับงามอย่างมาก เขาพยายามขอโทษ งามไม่สนใจ บอกว่าเธอทำเพราะพันธะที่รับปากเขา ทันทีที่เสร็จสิ้นงานแต่งงานเธอถือว่าเธอเป็นอิสระจากพันธะกับภรต คุณหญิงอทิติมาเจอ ขอคุยกับงามเป็นส่วนตัว งามยังคงน้อยใจแม่ คำพูดของงามทำให้คุณหญิงอทิติเสียใจจนร้องไห้ งามใจอ่อนยอมเรียกแม่ว่าแม่ และเล่าเรื่องที่เธอเป็นงาม แสนหลวงผู้ยากจนไม่มีสกุลรุนชาติ กับเรื่องศิลามณีให้แม่ฟัง งามกลับถึงเชียงรัฐบ้านเกิด ได้ไปกราบอัฐิเจ้าพ่อที่กู่เจ้าในวัดสวนดอก ถ้อยคำอธิษฐานของเธอเศร้านัก เธอบอกเจ้าพ่อว่ากลับมาเชียงรัฐอย่างผู้แพ้ หวังที่สุดที่จะให้ความอบอุ่นจากเชียงรัฐเป็นเครื่องสมานหัวใจของเธอ เจ้าหญิงแสงฝางกราบคารวะอัฐิผู้เป็นบิดาด้วยน้ำตา เจ้าสายบดีพาเพื่อนคือ เจ้าชายกาวิล แห่งรัฐไชยาบุรีมารู้จักกับเจ้าแสงฝาง เจ้าชายกาวิลเพิ่งกลับจากฝรั่งเศส และมาท่องเที่ยวเชียงรัฐ เขารูปชั่วปานกับจรกา เจ้าชายกาวิลรักเจ้าแสงฝางทันทีที่เห็น และรู้ว่าแสงฝางมีคู่หมั้นแล้ว ชื่อภรต ราชเสนา ภรตบอกชาลีว่างามหายไปตั้งแต่วันรุ่งขึ้นที่ชาลีแต่งงานและเธอลาออกจากมหาวิทยาลัยแล้ว คำพูดและท่าทางเหมือนใกล้ตายของพี่ชายทำให้ชาลีถามว่าเขารักงามหรือ ภรตยอมรับว่าเขารักและต้องการแต่งงานกับงาม ภรตเล่าให้ชาลีฟังว่ามารดาเคี่ยวเข็ญให้แต่งงานกับ ลูกสาวของของคุณพระอายุศ ภรตขอศิลามณีไปคืนเชียงรัฐ เขาอยากหมดพันธะกับเจ้าหญิงแสงฝางเพื่อแต่งงานกับงาม ไม่แคร์แล้วว่างามจะเป็นใครมีหัวนอนปลายเท้าหรือไม่ ภรตจึงเขียนจดหมายถึงเจ้าหญิงแสงฝางขอยกเลิกการหมั้นและจะเอาศิลามณีไปคืนที่เชียงรัฐและขอพบเจ้าหญิงเพื่อเชิญไปงานแต่งงานของเขา เจ้าแสงฝางถือว่าจดหมายฉบับนี้เยาะเย้ยกันโดยตรง เธอรู้สึกว่าภรตดูถูกเธอ แล้วยังจะมาดูหน้าเธอถึงเชียงรัฐเยาะเย้ยกันอีกด้วย เจ้าแสงฝางจึงตัดสินใจแต่งงานกับเจ้าชายกาวิล ภรตเดินทางมาถึงเชียงรัฐ ขอพบเจ้าหญิงแสงฝาง แต่เจ้าหญิงไม่อยู่ ภรตจึงจะไปรอที่เชิงดอย ระหว่างทางมีรถจี๊ปคันหนึ่งแล่นเร็วมาก และรถของภรตแล่นสวนด้วยความเร็วมากพอกัน จึงหลีกกันไม่พ้น พุ่งชนกันอย่างแรง แสงฝางฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลโดยไม่บาดเจ็บอะไรมาก พยาบาลบอกเธอว่าชายที่มากับรถอีกคันแขนหัก ศีรษะแตก แสงฝางจึงไปเยี่ยมชายคนนั้น เธอตกใจเมื่อเห็นว่าเขาคือภรต แสงฝางจัดการให้ภรตได้อยู่ห้องพิเศษ ภรตฟื้นมาเห็นงามด้วยความดีใจที่สุด เขาบอกว่าคิดถึงเธอใจแทบขาดและพยายามตามหาเธอ ภรตเล่าเรื่องที่เขาไปเชียงรัฐแต่ไม่พบเจ้าหญิงแสงฝาง งามโกหกภรตว่าเธอเป็นคนรับใช้ของเจ้าหญิงแสงฝาง ภรตว่าเขาจะถอนหมั้นเจ้าหญิงมาแต่งงานกับคนใช้ งามช็อกไปเลย เธอไม่นึกฝันเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากภรต ภรตขอให้งามรอเขาหายป่วยแล้วเขาจะแต่งงานกับเธอ แต่งามปฏิเสธ เธอเชิญภรตมาร่วมงามแต่งงานของเจ้าแสงฝางกับเจ้าชายกาวิล คุณหญิงอทิติตัดสินใจจะเปิดเผยความจริงเรื่องงาม แสนหลวงแก่ภรต ชาลีบอกว่าภรตไปเชียงรัฐ เอาศิลามณีไปคืน คุณหญิงอทิติเปิดเผยกับชาลีและศศิว่างามเป็นลูกสาวของเธอ พ่อของงามคือเจ้าฟ้าแสนหลวงแห่งเชียงรัฐ งามคือเจ้าหญิงแสงฝางคู่หมั้นของภรต คุณหญิงอทิติเล่าสาเหตุที่เจ้าแสงฝางเข้ากรุงเทพมาตามหาศิลามณีให้ชาลีและศศิฟังทั้งหมด เจ้าชายกาวิลกลับมาพร้อมของบรรณาการ และในวันงานขันโตก เจ้าสายบดียังบ่นไม่ชอบใจที่แสงฝางถือแต่ทิฐิจะแก้แค้นภรต สายบดีพาภรตไปนั่งกับเจ้าชายกาวิล กาวิลหงุดหงิดทันใดเมื่อสายบดีแนะนำว่าหนุ่มรูปงามผู้นี้ คือ ภรต ราชเสนา และก็มีเสียงขานชื่อเจ้าหญิงแสงฝางแล้วผู้คนลุกยืนต้อนรับ ภรตรู้สึกเหมือนถูกใครควักหัวใจกระชากอย่างแรง เจ้าหญิงแสงฝางคู่หมั้นของเขานั้น คืองาม แสนหลวงชัดๆ และแวบหนึ่งที่เจ้าหญิงสบตาเขา ภาพความหลังต่างๆ ผุดพรายในความทรงจำ เธอมิใช่เพียงเป็นงาม แสนหลวง เธอยังเป็นแม่เลี้ยงสาวเจ้าของโรงงานผ้าไหมอีกด้วย ภรตเพิ่งตาสว่างวันนี้ ความรัก ความแค้น ความถือตัวทำให้เลือดในกายแล่นพล่าน คำบอกเล่าของงาม แสนหลวงที่ว่าเจ้าหญิงแสงฝางกับเจ้าชายกาวิลกำลังจะแต่งงานกัน ที่ทำให้ภรตดีใจว่าเขาจะเป็นอิสระได้แต่งงานกับหญิงอันเป็นที่รัก กลับกลายเป็นว่างาม แสนหลวงจับเขาเชิดเป็นเป็นหุ่นอย่างสนุกมือ ภรตบอกว่าจะกลับกรุงเทพวันรุ่งขึ้น แสงฝางใจหาย จากนั้นทั้งตาทั้งใจของภรตว่างเปล่า ภรตได้พบกับเจ้าแสงฝางเป็นการส่วนตัว สองคนโต้กันด้วยใจที่เจ็บร้าวด้วยรัก ภรตเสียใจที่แสงฝางทำทุกอย่างเพียงเพื่อแก้แค้นเขา แสงฝางโต้อย่างเจ็บช้ำที่ภรตทำกับเธอ เหยียดเธอเป็นพวกต่างเมือง กีดกันชาลีจากเธอ เขาต่างหากที่ตีราคาเธอต่ำจนเธอต้องสัญญากับตัวเองว่าเขาจะได้รับการตอบแทนจากเธอเช่นกัน ภรตว่าแสงฝางได้ตอบแทนเขาอย่างสาสมแล้ว การที่รู้ว่าผู้หญิงที่ตนรักกำลังจะแต่งงานกับชายอื่นทำให้เขาผิดหวังมาก แต่เขาก็ยินดีกับเธออย่างจริงใจ เขาสวมสร้อยศิลามณีให้แสงฝาง กระซิบฝากบอกงาม แสนหลวงว่าถึงอย่างไรเขาก็รักเธอเสมอ แล้วเดินจากไป สายบดีเข้ามาบอกเจ้าแสงฝางว่าเขาบอกเจ้าชายกาวิลไปแล้วว่าแสงฝางกับภรตกำลังตกลงกันเรื่องวันแต่งงาน ก็หมั้นกันมาตั้งนานแล้ว แสงฝางทุบสายบดีฐานเจ้าอุบาย ภรตอยู่ไปวันๆ ด้วยความเซ็ง ชาลีกับศศิมาบอกว่าวันนี้คุณหญิงอทิติพาลูกสาวมาไหว้คุณหญิงเสมอใจ ภรตงงว่าคุณหญิงอทิติมีลูกสาวที่ไหนอีก เมื่อภรตมาที่ห้องรับแขก เขาพบกับงาม แสนหลวง เขาตะลึงตัวชา งามเล่าให้ภรตฟังว่าเธอกลับมากรุงเทพเพราะคุณหญิงอทิติส่งจดหมายไปบอกว่าป่วยมาก แต่เมื่อเธอมาถึงคุณหญิงไม่เป็นอะไรเลย คุณหญิงบอกว่าใช้วิธีนั้นเรียกงามมาเพื่อพางามไปกราบทำความรู้จักกับคุณหญิงเสมอใจ ภรตรู้ว่าแม่เขาพอใจงามขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่างามเป็นลูกสาวคุณหญิงอทิติ ต้องขอบคุณคุณหญิงอทิติที่ช่วยแก้ปัญหารักให้เขากับงาม ภรตชื่นใจยิ่งนัก เขาบอกงามว่าเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้อิสรีแต่งกับนพ.พิภพคราวนี้แล้วเลิกเป็นเพื่อนเจ้าสาวเสียที เก็บตัวไว้เป็นเจ้าสาวของเขาคนเดียว งามยิ้มรับอย่างอ่อนหวานนักแสดง
ลำดับ

ชื่อ - นามสกุล
รับบทเป็น
1
ภัทรพล ศิลปาจารย์
ภรต ราชเสนา
2

สุวนันท์ คงยิ่ง
เจ้าหญิงแสงฝาง ณ เชียงรัฐ (งาม แสนหลวง)
3
พูลภัทร อรรถปัญญาพล
ชาลี ราชเสนา
4
เปรมสินี รัตนโสภา
ศศิ บูรณะโยธิน
5
ปภัสรา เตชะไพบูลย์
คุณหญิงอทิติ บูรณโยธิน
6
ฐาปกรณ์ ดิษยนันทน์
พลเอกจอมณรงค์ บูรณโยธิน
7
ด.ช.ณภัทร ศิลปี
นก
8
อ.เผ่าทอง ทองเจือ
เจ้าวงตะวัน
9
วาสิฏฐี ศรีโลฟุ้ง
เจ้าบัวละวง
10
นิลุบล อมรวิทวัส
หอมนวล
11
ชวัลกร วรรธนพิสิฐกุล
ลูกสาวคุณพระอายุศ
12
พจนีย์ ใยละออ
ป้าชื่น
13
ไพโรจน์ ใจสิงห์
เจ้าฟ้าแสนหลวง ณ เชียงรัฐ
14
สมภพ เบญจาธิกุล
พระยาเพชรายุทธ ราชเสนา (หลวงราชนุรักษ์)
15
จตุรวิทย์ คชน่วม
พันโทอติศักดิ์
16
สิทธิพร นิยม
เจ้าชายกาวิล แห่งรัฐฉาน
17
ปริญญ์ วิกรานต์
นายแพทย์พิภพ ภักดีพงศ์
18
ฐรินดา กรรณสูต
อิสรี สุรคุปต์
19
อภิรดี ภวภูตานนท์
คุณหญิงเสมอใจ ราชเสนา
20

นพพล พิทักษ์โล่พานิช
เจ้าสายบดี ข้อมูลจาก : www.ch7.com

ดินเนื้อทอง



ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น.นำแสดงโดย : ออย ธนา, บัวชมพู ฟอร์ด, ลิฟท์ สุพจน์, เจน เจนสุดา กำกับการแสดงโดย : สมพร เชื้อบุญอุ้ม

มุกหอม แม่ค้าส้มตำฝีมือเลื่องลือประจำมุกดาหาร โตมาได้เพราะแม่ค้าส้มตำอย่าง ยายแค เก็บมาเลี้ยง มุกหอมเข้า กรุงเทพมาวันแรก ก็จับพลัดจับพลูเจอเข้ากับ สงกรานต์ หนุ่มครีเอทีฟสุดเจ๋ง ในงานเลี้ยงฉลอง 5 ปี ของบริษัทโฆษณา คิซซี่ คิซซี่ ของสาวใหญ่วัยโหนคานอย่าง แนนนี่ มุกหอมได้เดินแบบด้วยความเข้าใจผิดของสาวออฟฟิศจอมอิจฉาอย่าง วีณา สงกรานต์เลยเข้าใจไปเองว่า มุกหอมคือคุณมุกหอม ผู้คู่ควรมาเป็นนางแบบโฆษณาใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศ สนุกสนานในออฟฟิศ มีคลื่นใต้น้ำของสงครามแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้า ระหว่างสงกรานต์ กับ ทวยเทพ ขณะที่มุกหอม ต้องปะทะ กับการรังควานของแม่ค้าส้มตำเจ้าข้างๆอย่าง คำปลิว และ มะเดื่อ ศึกไหนจะหนักเท่าศึกหัวใจ เมื่อ ตวงใจ ต้องการแต่งงานกับแฟนหนุ่มอย่าง สงกรานต์ แต่สงกรานต์ไม่อยากได้ชื่อว่าอาศัยความรวยของแฟน ที่เป็นถึง ลูกสาวเจ้าของตึก คือ กรณ์ และ หยาดพิรุณ เจ้าของตลาดสดไทไท
พีรพล นักเรียนนอก ลูกชาย พิชญะ เจ้าของโชว์รูมรถหรูที่ซึ้งน้ำใจของมุกหอมตั้งแต่แรก แต่พีรพล ถูกเข้าใจ ว่าเป็นเซลล์ขายรถ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย เพราะที่จริงเขาก็ชอบผู้หญิงที่สนใจตัวตนของเขามากกว่า นามสกุลหรือ สมบัติ มหาศาล อีกด้าน หยาดพิรุณ ก็แอบมาดูรถเข็นส้มตำยายแค แต่หลายครั้งก็คลาดไม่ได้เจอมุกหอม เย็นหนึ่งขณะเข็นรถ กลับบ้าน มุกหอมเจอ ใบคูณ แม่ค้าขายขนมคนซื่อที่กำลังโดนตกทอง มุกหอมอาสาเป็น พลเมืองดีเข้าช่วย แต่ใบคูณนึกว่า เธอเป็นหน้าม้าเลยเอาหาบไล่ตี มุกหอมเจ็บทั้งตัวเจ็บทั้งใจ แต่สุดท้ายก็ไล่จับพวก ต้มตุ๋นได้ ใบคูณรู้ความจริงก็ซึ้งน้ำใจคน จน ขออยู่กับมุกหอมด้วย
มุกหอมกับใบคูณเลยเปิดร้านใกล้กัน คำปลิวฉุนจัดเพราะใบคูณมาแย่งลูกค้าไปอีก รุ่งขึ้นคำปลิวทำเลียนแบบ มุกหอมมาเอาเรื่องจนพ่อค้า แม่ค้าตีกันเละเทะไปทั้งถนน ตำรวจมาจับทั้งหมดไปเข้าห้องขัง ในห้องขังมุกหอม กับใบคูณได้เจอกับ ชมพู พ่อค้าหาบขนมจีนที่ติดร่างแหมาด้วย ชมพูขอหารค่าเช่าห้องกับสองสาว พีรพลไม่เห็นด้วยเพราะห่วงมุกหอม แต่มุกหอมเห็นแก่คนจนเหมือนกัน เลยให้ชมพูอยู่ด้วย พีรพลเลยป้วนเปี้ยนมารับส่งมุกหอมบ่อยกว่าปกติ
มุกหอมเปิดร้านกับเพื่อนทั้งสอง เป็นร้านส้มตำ ขนมจีน ถั่วดำ – ข้าวเหนียวเปียก แก้วฟ้า เพื่อนชายใจ สาวจาก บ้านนอก ขอตามมุกหอมมาช่วยล้างจานอีกแรง ทั้งหมดเปิดร้านด้วยกัน มีลูกค้าแน่นทุกวัน ขณะที่ตวงใจ อยากให้มุกหอม กระเด็น ออกไปจากใจสงกรานต์ เลยสั่งวีณาไปตามคำปลิวมาขายแข่งใกล้ๆ กัน
สงกรานต์ใจลอย คิดแต่เรื่องมุกหอม จนพลาดตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายให้ทวยเทพคู่แข่งทั้งๆ ที่แนนนี่ก็ลุ้นสงกรานต์ตัวโก่ง ตวงใจฟูมฟายที่สงกรานต์จะยื้อการแต่งงาน เพราะยังไม่ได้เป็นหัวหน้า ตวงใจเร่งให้แม่พูดกับสงกรานต์ หยาดพิรุณเอ่ยปาก สงกรานต์อ้ำอึ้ง แต่พอมาเห็นมุกหอม สงกรานต์รู้แล้วว่าในใจเขามีใคร
เสก ลูกชายคนแรกของยายแค ได้โอกาสปลุกปล้ำหลานสาว มุกหอมจึงวิ่งหนีมาชนเข้ากับแท็กซี่ที่ เจียม แม่นมของตวงใจ นั่งมาหาเสก ชาวบ้านเรียกตำรวจมาจับแต่เสกหนีไปได้ มุกหอมไม่เข้าใจว่าทำไมเจียม ถึงมองเธอ ด้วยสายตาเกลียดชัง
เมื่อเสกกลับมา มุกหอมขอให้เสกทำมาหากิน แต่เสกคาดคั้นถามเรื่องเจียม จนมุกหอมสงสัย สะกดรอยตาม ไปเจอเสกกับเจียมนัดพบกัน เสกขอเงินค่าปิดปาก เจียมย้ำเสกไม่ให้พูดว่ามุกหอมคือลูกสาวหยาดพิรุณ มุกหอมอึ้งไป เมื่อรู้ว่าแม่ที่ทิ้งตัวเองตั้งแต่เกิดคือหยาดพิรุณจริงๆ มุกหอมเสียใจมากที่ถูกแม่ทิ้ง
มุกหอมกระทบกระเทียบหยาดพิรุณทุกครั้งที่เจอกัน แต่หยาดพิรุณคิดว่ามุกหอมเจ็บใจแทนยาย เพราะเข้าใจ ว่ามุกหอมคือเด็กที่ยายแคเก็บมาเลี้ยง มุกหอมมาหายายแคเพื่อขอรู้ความจริง แต่ยายแคป่วยหนัก พูดไม่ได้ มุกหอมจึง ตามหาเสก เพื่อหาความจริง โดยมอมเหล้าเสกจนเพลอบอกความจริงว่า หยาดพิรุณคือลูกสาวยายแค ที่เกิดตอนยายแค เป็นคนงานในตระกูลพ่อของหยาดพิรุณ ยายแคมีเขาเป็นลูกคนแรกและคลอดหยาดพิรุณมาอีกคน
แต่พ่อของหยาดพิรุณให้ยายแคเป็นแค่แม่นม ยายแคเห็นแก่อนาคตของลูก จึงยอมทนจนหยาดพิรุณพลาดไป ตั้งท้องกับ สุภาพ พนักงานห้องสมุดในมหาวิทยาลัย ยายแคโทษตัวเองว่าดูแลหยาดพิรุณไม่ดี หยาดพิรุณโดนไล่ออกจากบ้าน ยายแค ในฐานะแม่นม จึงพาหยาดพิรุณไปคลอด แต่เจียมจ้างเสกขโมยลูก โดยไม่รู้ว่าเสกคือลูกชายยายแค พ่อแม่ หยาดพิรุณ เห็นแก่หลาย จึงรับหยาดพิรุณกลับไป จากนั้นยายแคจึงตามหาเอามุกหอมมาเลี้ยง ส่วนหยาดพิรุณแต่งงานกับกรณ์ชายแสนดีและเลี้ยงตวงใจมาเพราะคิดว่าเป็นลูก ส่วนยายแคก็เลี้ยงมุกหอมมาด้วยความรู้สึก ว่านี่คือเลือดเนื้อเชื้อไข เดียวที่เป็นของตัวเองจริงๆ
สงกรานต์ตัดสินใจสารภาพรักแม่ค้าส้มตำและยกเลิกงานหมั้นกับสาวไฮโซ มุกหอมรับปากโดยดี ช่วงฮันนีมูน มุกหอมหาทางหลบหลีก ไม่นอนห้องเดียวกับสงกรานต์ สงกรานต์ประชดประชันมุกหอมก็ยั่วเรื่องตวงใจ จนสงกรานต์ระงับ ใจไม่อยู่ มุกหอมตกเป็นของสงกรานต์จนได้สงกรานต์แลกแหวนแต่งงานและสัญญา จะไม่คาดคั้นความในใจ จนกว่า มุกหอมจะบอกเอง มุกหอมรู้ว่าสงกรานต์เป็นคนดีแต่ไม่ยอมรับที่สงกรานต์ยกย่อง หยาดพิรุณ ด้านพีรพลอก หักจนเปลี่ยนไป ออกเที่ยว ไม่เอาการเอางานเหมือนเคย คำปลิว ทำอาหารสกปรกจนตลาดถูกโจมตี พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของไม่ได้จึงมารวมตัวกันและขอให้มุกหอม เปิดร้านเรียกลูกค้า สงกรานต์เสนอว่าน่าจะมีการแข่งขันส้มตำไทยกู้ชื่อเสียงตลาดในโครงการใหญ่ “ตลาดสดถูกอนามัย อาหารไทย ที่หนึ่งในโลก” วันแข่งขัน มุกหอมชนะใจคนทั้งตลาด หยาดพิรุณจะมอบรางวัล แต่มุกหอมไม่ยอมรับ สงกรานต์บังคับจนมุกหอมหลุดปากเรื่องที่หยาดพิรุณทิ้งแม่ทิ้งลูก ทุกคนตะลึง มุกหอมคาดคั้นให้หยาดพิรุณยอมรับ เจียมขัดขวางจนเหตุการณ์ชุลมุน ตวงใจโกรธมากที่มุกหอมแย่งทุกอย่างไป จึงอาละวาดคว้าครกกับสากเจวี้ยง โดนหยาดพิรุณอาหารสาหัส
ที่โรงพยาบาล เสกยอมเล่าทุกอย่าง หยาดพิรุณช้ำหนักที่รู้ว่ายายแคคือแม่ที่แท้จริง พีรพลรับยายแคมาทันหยาดพิรุณได้กราบแม่ ยายแคน้ำตาซึมก่อนหมดลมหายใจจากไปอย่างสงบ มุกหอมแค่จับมือและเรียกหยาดพิรุณ ว่าแม่ก่อนหยาดพิรุณสิ้นใจ สงกรานต์เค้นถามคนบงการ เสกไม่ทันตอบก็ถูกมือปืนที่เจียมจ้างมายิงตาย มุกหอมเป็นลม ที่เข้าใจแม่ผิดมาตลอด หมอตรวจและบอกว่ามุกหอมท้อง
ตวงใจคลั่งที่ตัวเองไม่ใช่ลูกคุณหนูสูงส่ง จึงคลุ้มคลั่ง เอามีดไล่ฟันทุกคนในบ้าน สงกรานต์เข้าห้าม แต่ถูกมีดในมือตวงใจกรีดลงไปที่หน้า จึงมีรอยแผลเป็นบนหน้า ถูกตัดญาติขาดมิตร สงกรานต์แอบมาหามุกหอม เจียมยอมเล่าความจริงทุกอย่างและติดคุกชดใช้บาป มุกหอมรับมรดกในฐานะทายาทที่แท้จริงของหยาดพิรุณ แต่เธอก็ไม่ทิ้งตวงใจให้ตกอับ ตวงใจต้องทำงานในร้าน
ไม่มีใครรู้ว่าสงกรานต์ปลอมตัวเป็นขอทานมาเฝ้าดูมุกหอมที่เดินตรวจตลาดทุกวัน จนวันครบรอบ 50 ปีของตลาด มุกหอมจัดงานส้มตำมหากุศลบริจาคเงินคนยากไร้ วินาทีสำคัญของการประมูลเริ่มต้น ท่ามกลางเสียง เซ็งแซ่ ขอทานคนหนึ่งยกมือขึ้นมุกหอมจำแหวนในนิ้วขอทานได้ ก็รีบเดินผ่านเศรษฐีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
เศรษฐีนีมุกหอมเปิดหมวกขอทานและจูบลงที่แผลลางๆ บนใบหน้าหนวดเคราครึ้ม ทุกคนประทับใจ กับภาพความรักของเศรษฐีนีกับขอทาน สงกรานต์น้ำตาริน ตื้นตันใจที่มุกหอมไม่รังเกียจ มุกหอมสวมกอด สงกรานต์ ไว้แนบแน่น เพื่อพิสูจน์ว่าข้อมูลจาก : www.thaitv3.com

2551-11-14

Quantum of Solace:Synopsis


Critics' Rating: read review
Avg. User Rating:
120 ratings
Your Rating:
write a review
PG13,1hr 45min
Genres:
Drama,Action
Released:
November 14, 2008
Director:
Marc Forster
Distributor:
Sony/MGM
Starring:
Daniel Craig, Mathieu Amalric, Jeffrey Wright ...
A devastating betrayal sends James Bond from Australia to Italy and South America on a mission of vengeance that pits the suave super-spy against a powerful businessman with diabolical intentions. Betrayed by Vesper, 007 (Daniel Craig) suppresses the urge to make his latest mission personal as he teams with M (Judi Dench) to interrogate Mr. White (Jesper Christensen). It soon becomes apparent that the organization behind the blackmailing of Vesper is more powerful than Bond and M had previously anticipated, and after discovering forensic evidence that links an MI6 traitor to a bank in Haiti, Bond immediately sets out to gather more intelligence.
Once in Haiti, a case of mistaken identity leads Bond into the company of the ravishing Camille (Olga Kurylenko), a dangerous beauty with her own vendetta. It's Camille who leads Bond to a ruthless businessman named Dominic Greene (Mathieu Amalric), who is soon revealed to be the mastermind of a powerful but clandestine organization. Greene is conspiring to corner the market on one of the world's most precious natural resources, and in order to make that happen he has forged a deal with an exiled general named Medrano (Joaquin Cosio). By enlisting the aid of his many associates and using his vast resources to force contacts within the CIA and the British government into bending to his will, Greene plans to overthrow the current regime of a Latin American country and hand control over to General Medrano in exchange for a parcel of land that appears barren on the surface, but actually houses a natural resource that will make Greene the most powerful man on the planet. But Bond's mission to uncover the culprit who blackmailed Vesper and prevent Dominic Greene from exerting his will on the entire world won't be easy, because now everyone from the CIA to the terrorists and even M are out to get him. ~ Jason Buchanan, All Movie Guide

เรื่องย่อละคร : ใจร้าว




กรวิก (เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์) ซูเปอร์สตาร์หนุ่มผู้เย่อหยิ่ง แข็งกร้าว
ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมระดับเอเชีย.. ความ สมบูรณ์แบบของเขาทำให้ถูกจับคู่กับเมลานี (วิกกี้-สุนิสา เจทท์) นักแสดงสาวดาวรุ่ง แต่เรื่องราวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะในวันประกาศรางวัล กลับมีหญิงสาวนิรนามมาแสดงความยินดีกับกรวิกต่อหน้าแฟนคลับและกองทัพนักข่าว นับร้อย..แถมสาวเจ้ายังเป็นลมล้มลงจนกรวิกต้องอุ้มพาเธอหายตัวไปต่อหน้าต่อ ตาทุกคน.. ช็อตเด็ดชวนเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้มีหรือเจษฎา (ดุ๊ก-ภานุเดช วัฒนสุชาติ) นักข่าวมือเก๋าวงการน้ำหมึกจะยอมปล่อยให้หลุดมือ เจษฎาตามเกาะติดรถของกรวิกไปจนถึงที่หมาย.. ภัทร (มอริส เค) ผู้จัดการส่วนตัวของกรวิกต้องลงมาเจรจา แต่เจษฎาก็ไม่ยอมลดราวาซอกดันทุรังจนได้รัวชัตเตอร์ภาพในรถของกรวิก... แต่อย่างว่าซูเปอร์สตาร์หนุ่มกับผู้จัดการตัวแม่ มีหรือจะปล่อยภาพไปได้ เจษฎาได้แต่ภาพความว่างเปล่าในรถ...ภัทรซ้อนแผนคิดแก้ทางเหล่าบรรดาปาปารัส ซี่ตัวแสบอย่างเจษฎาด้วยการให้สองบอดี้การ์ดแวะเปลี่ยนรถระหว่างทาง กรวิกและหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาถึงหลุดรอดไปได้อย่างหวุดหวิด กรวิกพาเธอไปที่บ้าน... เขาวางเธอลงอย่างทะนุถนอม น้องเอย (แอฟ-ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ) หญิงสาวคนเดียวที่เคยเติมเต็มชีวิตของเขา ภาพความทรงจำวัยเยาว์ชัดเจนขึ้น น้องเอยคอยเช็ดตัวเมื่อยามป่วย น้องเอยคอยเป็นกำลังใจเวลาคิดถึงแม่ ความรัก ความอาทร ความห่วงหาอาลัยที่มีอยู่ล้นหัวใจกำลังทะลักทะลายออกมา แต่แว๊บนั้นภาพที่น้องเอยทิ้งเขาไปอย่างไร้เยื่อใยในวันที่เขาคิดจะขอเธอ แต่งงานโดยไม่บอกลาเขาแม้แต่คำเดียว ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยวทำให้เขากลายเป็นคนปิดตัว แข็งกระด้าง....และในนาทีนี้ที่เธออยู่ตรงหน้าเขา ความผิดหวัง ชอกช้ำแทรกซึมเข้ามาซ้ำอีก ทำไมเธอถึงทำกับเขาได้เพียงนี้... ความสับสนวิ่งวนในหัวสมองของกรวิก...และในนาทีนั้น น้องเอย ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับแววตาของความรัก แต่ก็ไม่สามารถตอบคำถามที่วนเวียนในสมองกรวิกมาตลอดแปดปีได้ว่า เอยทิ้งพี่วิกไปเพราะอะไร เขาทวงถามความยุติธรรม แต่เอยก็ไม่สามารถตอบคำถามใดๆ ได้... กรวิกระบายความรัก ความเสียใจออกมาเป็นความแค้น เอยสัมผัสได้ถึงความแตกต่างของกรวิกเมื่อแปดปีที่แล้วกับกรวิกซูเปอร์สตาร์ ผู้โด่งดังในวันนี้ เขาไล่เธออย่างไร้เยื้อใย เอยกลับไปด้วยความเศร้าแต่ก็ยังอยากจะทดแทนความรู้สึกผิดทั้งหมด... ภัทรและดวงแก้ว (ท๊อป-ดารณีนุช โพธิ์ปิติ) เจ้าแม่มายาต้นสังกัดกรวิก คิดทางออกของข่าวใหญ่ครั้งนี้ด้วยการให้กรวิกแถลงข่าวว่าน้องเอยเป็นเพียง แฟนคลับเท่านั้น... คำพูดตามสคริปท์ของกรวิก ทำร้ายจิตใจน้องเอยเหลือเกิน... แต่เธอก็ต้องก้มหน้ายอมรับกับความผิดที่เป็นฝ่ายทิ้งเขาไป... น้องเอยขอชดใช้ทุกอย่างด้วยการอยู่รับใช้กรวิก 1 ปีเต็มในฐานะผู้จัดการส่วนตัว... กรวิกจิกใช้น้องเอยสารพัดวิธี แต่น้องเอยยินยอมทำทุกอย่างโดยไม่เปิดปากบอกว่าความจริงที่เธอหนีหายไปจาก ชีวิตของเขาเพราะโรคร้ายของเธอ ลักษณ์ (น๊อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์) นายแพทย์หนุ่มคู่หมั้นที่เดินทางกลับมาพร้อมกัน และคอยยืนเคียงข้างน้องเอยมาตลอด เป็นห่วงและกังวลใจเหลือเกิน แต่ด้วยความมุ่งมั่นและสัญญาที่น้องเอยให้ไว้กับเขาว่าถ้าเธอชดใช้ให้กับ กรวิกได้สำเร็จ เธอจะเลือกเขาเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอตลอดไป แต่ไม่รู้ด้วยพรหมที่แกล้งลิขิตหรือฟ้าดลใจ ลักษณ์มักจะบังเอิญต้องได้พบปะ เจอะเจอและปะทะฝีปากกับเมลานีครั้งแล้วครั้งเล่า เมลานีเองก็แสนจะเกลียดที่ต้องเจอกับเขา... แต่ก็แอบตอบไม่ถูกกับความรู้สึกบางอย่างในหัวใจ กรวิกทำทุกวิธีเพื่อ ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของเอย ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วอยากจะสวมกอดหญิงสาวด้วยความรักทั้งหมดที่มีอยู่จนล้นใจ... แล้วยิ่งได้เห็นหมอลักษณ์มาคอยตามรับตามส่ง และเอาใจใส่น้องเอยมากเท่าไหร่ กรวิกก็ยิ่งสรรหาทุกวิถีทางถึงขนาดแกล้งทำเป็นรักเมลานี เพื่อทรมานใจเอย...โดยไม่รู้เลยว่าเมลานีรักเขาเข้าจริงๆ ซะแล้ว มิหนำซ้ำยังทำให้ทอปัด (นาตาลี เดวิส) เด็กสาวที่แอบหลงรักกรวิก ทั้งๆ ที่เขารับอุปการะเธอในฐานะน้องสาว ขัดใจเอามากๆ... หมอลักษณ์ใช้เวลาช่วงที่รอเอยชดใช้ความผิดกับกรวิก ด้วยการเข้าทำงานที่โรงพยาบาลของปราชญ์ (หมู-ดิลก ทองวัฒนา) ซึ่งมีปรัชญา (ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ) ลูกชายทำหน้าที่บริหารงาน แต่ปรัชญาก็ทำงานไม่ได้เรื่องได้ราว...เอาแต่เจ้าชู้ แถมยังแอบมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแสงฉาย (เมย์ เฟื่องอารมย์) อดีตภรรยาของหมอลักษณ์อีกต่างหาก การดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษของปราชญ์ที่มีให้กับหมอลักษณ์ ทำให้ปรัชญาอิจฉาและค้นหาจนแอบรู้ความจริงจนได้ว่า ลักษณ์คือลูกชายแท้ๆ ของปราชญ์ ส่วนตัวปรัชญาเองกลับเป็นเพียงแค่ลูกติดท้องไม่ใช่ลูกแท้ๆ ความผิดหวังเสียใจ ผสมกับความเครียดแค้นทำให้ปรัชญาคิดร่วมมือกับแสงฉายที่อยากจะแก้แค้นเรื่อง น้องเอยแย่งหมอลักษณ์ สมรู้ร่วมคิดกันวาง แผนกำจัดหมอลักษณ์ ความสัมพันธ์ของกรวิกกับเอยอยู่ในสายตาหาเรื่องสร้างข่าวของเจษฎาตลอดเวลา ในขณะที่ภัทรก็คอยกันเอาไว้ตลอดศกเหมือนกัน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังแล้วดวงแก้วที่แสดงออกต่อหน้าใครต่อใคร ว่าคอยป้องกันกรวิกจากปาปารัสซี่หนักหนา กลับแอบลงทุนเปิดหนังสือปาปารัสซี่ให้เจษฎาออกหน้าและตามจิกข่าวกรวิกกับเอย ให้ถึงที่สุด ข้างทอปัดก็ออกฤทธิ์ออกเดชมากขึ้นทุกวัน แถมยังบังเอิญได้รู้จักกับเจษฎาจนได้เสียกันและตกเป็นเครื่องมือในการทำลาย ชื่อเสียงของกรวิกจนได้... เอยป่วยหนักจากการกลั่นแกล้งของกรวิกจนกระทั่งต้องเข้าโรงพยาบาล กรวิกแสดงออกว่าโกรธที่เอยหายไป แต่ภายในใจที่ร้อนระอุนั้นเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เที่ยวออกตามหาจนกระทั่งได้ข่าวว่าเอยป่วย เขาไม่สนใจความเป็นซูเปอร์สตาร์ของตัวเองออกตามหาที่โรงพยาบาลทุกแห่งแต่ก็ ไม่เจอ เขาเสียใจ สำนึกผิด หมดหวังบวกกับเหล่าแฟนคลับที่ตื่นตาตื่นใจกับการปรากฏตัวของเขา ทำให้ต้องตัดสินใจกลับ แต่ในความชุลมุนนั้นกรวิกได้ยินประกาศขอบริจาคโลหิตให้ผู้ป่วยฉุกเฉิน กรวิกตัดสินใจขอบริจาคโลหิตโดยไม่รู้ว่าผู้ป่วยฉุกเฉินที่จะรับเลือดของเขา ไปล่อเลี้ยงหัวใจที่ขาดแคลนคนนั้นคือเอย ลมหายใจต่อลมหายใจ เลือดจากหัวใจหนึ่งสู่อีกหัวใจหนึ่ง น้องเอยพ้นขีดอันตรายเพราะเลือดของพี่วิก... ระหว่างพักฟื้นกรวิกก็ได้เจอกับหมอลักษณ์ที่มาขอบคุณผู้บริจาคโลหิตโดยไม่ รู้ว่าเป็นใคร...กรวิกคาดคั่นถามหาเอย...หมอลักษณ์ไม่ยอมบอก กรวิกยิ่งเข้าใจผิด...ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมีเพียงม่านกั่นผู้ป่วยเป็นกำแพงระหว่างเขาและเธอเท่านั้น เอยกลับมาทำงานอีกครั้ง...กรวิกยิ่งระบายความเจ็บช้ำและความเข้าใจผิดมาก ขึ้นทุกที อาการป่วยของเอยก็ทรุดลงเรื่อยๆ จนหมอลักษณ์เป็นห่วงเอย ขอร้องให้หยุดทุกอย่างและกลับต่างประเทศกับเขา...จากวันแรกจนถึงวันนี้ เอยเริ่มคิดว่ากรวิกเกลียดเธอมากจริงๆ..และเห็นว่ากรวิกก็มีเมลานีคอยดูแลอยู่แล้ว เอยตัดสินใจขอเป็นฝ่ายไป...และวางแผนพากรวิกไปทานข้าวมื้อพิเศษ ย้อนเรื่องราวประทับใจของเขาและเธอให้ได้มากที่สุดก่อนจะจากเขาไป ความรัก ความผูกพัน ความทรงจำที่มีอยู่เต็มเปี่ยมของทั้งสองคน ทำให้กรวิกเองก็เกือบจะเปิดเผยความจริงที่อยู่ในใจว่ารักและห่วงหาน้องเอย ของพี่วิกมากเพียงใด เขาตัดสินใจว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะใช้เวลาทุกนาทีให้มีค่าและ ดีกับเธอให้มากที่สุด.. แต่มันก็สายเกินไปเพราะวันรุ่งขึ้นเขาได้รู้ว่าเอยตัดสินใจบินกลับอเมริกา.. กรวิกเสียใจผิดหวังจนไม่สามารถที่จะทำใจได้ ทำไมเขาถึงต้องเสียเธอไปอีก ภาพที่เขาวิ่งตามหาเธอเมื่อหลายปีก่อนกำลังวิ่งวนเข้ามาทับถมให้หัวใจที่ ร้าวรานเจ็บช้ำอีกครั้ง เขาจะไม่ยอมมันเกิดขึ้นอีก กรวิกพุ่งตรงไปที่สนามบิน... เสี้ยวนาทีต่อวินาที กรวิกวิ่งวนตามหาน้องเอยอย่างไร้ความหวัง ความอ้างว้าง เดียวดาย ทำให้น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างเขาไหลอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่น่าเชื่อโชคชะตาของคนทั้งสองทำให้เอยปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา... กรวิกไม่ยอมทิ้งโอกาสครั้งนี้พาน้องเอยและหัวใจกับความรักของเขาหนีขึ้นรถไป ...ปล่อยให้หมอลักษณ์งงงวยกับการหายตัวไปของเอย...หมอลักษณ์จับต้นชนปลาย เหตุการณ์ทั้งหมดตัดสินใจไปตามหาเอยที่เพนท์เฮ้าท์ของกรวิกแต่ก็ไม่เจอ กลับพบแต่เมลานีที่มาตามหากรวิกเหมือนกัน... ทำให้ทั้งสองคนเริ่มเข้าใจอะไรตรงกันแต่ต่างก็ไม่พูด... แถมระหว่างที่พยายามออกตามหา กรวิกและน้องเอยนั้น สองคนกลับยิ่งรู้สึกดีต่อกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะผ่านเหตุการณ์ที่หมอลักษณ์ถูกล้อมฆ่าจากพวกของปรัชญา...ระหว่างนั้น กรวิกตัดสินใจพาเอยไปซ่อนที่เกาะส่วนตัว... และที่นั้นทำให้เอยรู้ว่าตลอดเวลาที่เธอจากไป เธอยังคงอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ... สองคนใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่า หัวใจรักสองดวง ความโหยหา...จะนำพาให้เรื่องราวความรักที่ร้าวรานของ “กริวก” และ “น้องเอย” กลับตาลปัตรลงเอยด้วยหัวใจที่ร้าวรานได้อย่างไร ติดตามชมได้ในละครที่จะทำให้คุณต้องสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของ...“ใจร้าว ”... ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ♦